“ก้าวไกล”ยื่น อสส.สอบ โครงการประมูล “รถไฟฟ้าสีส้ม” ก่อน ร.ฟ.ม. ชงครม.

“สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ยื่นหนังสือถึงอัยการสูงสุด ตรวจสอบ งบอุดหนุน 68,613 ล้าน โครงการ “รถไฟฟ้าสายสีส้ม” ก่อน ร.ฟ.ม. ชงเข้า ครม. ชี้ เสียดายภาษีประชาชน

วันที่ 4 พ.ย. 2565 นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้ยื่นหนังสือต่ออัยการสูงสุด ให้ตรวจสอบเรื่องความชอบด้วยกฎหมาย ของ กระบวนการประมูลโครงการและการเจรจาร่างสัญญาร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนของโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ก่อนอนุมัติร่างสัญญาจาก การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ม.) เพราะหากสำนักงานอัยการสูงสุดปล่อยผ่านร่างสัญญาฉบับนี้ไป ร.ฟ.ม. ก็คงรีบชงเรื่องเข้า ครม. ผ่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ซึ่งจะทำให้รัฐต้องเข้าไปอุดหนุนโครงการแบบ “มากเกินจำเป็น” ถึง 68,613 ล้านบาทนายสุรเชษฐ์ กล่าวว่า ในฐานะประธานคณะอนุกรรมาธิการศึกษาการจัดทำ และ ติดตามการบริหารงบประมาณโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เคยเรียก ร.ฟ.ม. มาชี้แจงเรื่องรถไฟฟ้าสายสีส้มแล้ว ถึง 2 ครั้ง แต่ ร.ฟ.ม. ‘จงใจเบี้ยว’ ไม่มาชี้แจง อย่างไรก็ตาม การประชุมแบบ Live สดก็ยังคงดำเนินการต่อไปโดยมี BTS ในฐานะผู้ได้รับความเสียหายและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง ยกเว้น ร.ฟ.ม. เข้าร่วมชี้แจง

จากผลการประชุม มีหลายประเด็นน่าเคลือบแคลง ในส่วนของความชอบด้วยกฎหมายของกระบวนการประมูลโครงการ ได้แก่ (1) การเปลี่ยนเกณฑ์การประมูลกลางอากาศแบบไม่เคยมีมาก่อน และ (2) การยกเลิกการประมูลครั้งก่อนโดยที่ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาว่า การยกเลิกการประมูลดังกล่าวมิชอบด้วยกฎหมาย นอกจากนั้น ในส่วนของการเจรจากับผู้ชนะการประมูลรอบใหม่ ยังมีประเด็นน่าสงสัยอยู่หลายประเด็น ได้แก่ (1) การกีดกัน BTS ไม่ให้มีสิทธิ์เข้าประมูลรอบใหม่ (2) คุณสมบัติต้องห้ามของผู้ผ่านการพิจารณาข้อเสนอด้านคุณสมบัติ และ (3) ความพยายามของคณะกรรมการคัดเลือกในการรักษาผลประโยชน์ให้กับรัฐ ดังนั้น ตนจึงได้ยื่นหนังสือถึงอัยการสูงสุดเพื่อส่งบันทึกการประชุมของคณะอนุกรรมาธิการ และ สรุปสาระสำคัญเพื่อให้อัยการสูงสุดได้พิจารณาดำเนินการตรวจสอบ ‘ก่อนอนุมัติร่างสัญญา’ ให้ละเอียดถี่ถ้วนก่อนผ่านเรื่องไปยัง ครม.

นายสุรเชษฐ์ กล่าวด้วยว่า อยากให้อัยการสูงสุดคำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญมากกว่า การตรวจสอบแล้วบอกว่า ‘ถูกต้องตามกระบวนการ’ แต่ข้อเท็จจริงคือ ‘รัฐเสียหายมากเกินจำเป็นถึง 68,613 ล้านบาท’ จึงอยากให้หยุดกระบวนการเพื่อตรวจสอบกันตั้งแต่ในชั้นสำนักงานอัยการสูงสุด เพราะหากผ่านไปเข้าถึง ครม. ก็คงยากที่จะหยุด

“นอกจากนี้ ผมและพรรคก้าวไกลกำลังเตรียมคำร้องเพื่อยื่นฟ้องศาลปกครองกลาง โดยพยายามเบรกค่าโกงทั้งจากฝั่งอำนาจตุลาการและอำนาจบริหาร เพราะอำนาจนิติบัญญัติเราอยู่ฝั่งเสียงข้างน้อย เราเพียงต้องการเห็นการแข่งขันที่เสรีและเป็นธรรม แต่เรื่องสายสีส้มนี่ก็เห็น ๆ กันอยู่ว่าไม่ใช่ ข้อเท็จจริงก็คือในประเทศเรามีผู้ประกอบการเดินรถรายใหญ่เพียง 2 เจ้า หากเจ้าหนึ่งโดนกีดกัน ภาษีของประชาชนก็จะถูกผลาญแบบเกินจำเป็น และในกรณีนี้มากถึง 68,613 ล้านบาท เสียดายเงินภาษีครับ” นายสุรเชษฐ์ กล่าว