ยิ่งใหญ่มากงาน เปิดป้าย-มอบโฉนดมัสยิดฮิดายะห์ บ้านพุมเรียง มุสลิมระดับประเทศเข้าร่วมเพียบ ผู้ว่าฯระบุ “มอบโฉนดที่ดินทั่วไทย นำสุขคลายทุกข์ให้ประชาชน”
เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2565 ที่ มัสยิดฮิดายะห์ บ้านพุมเรียง หมู่ที่ 2 ตำบลพุมเรียง อำเภอไขยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้มีพิธีเปิดป้ายและมอบโฉนดที่ดินมัสยิดฮิดายะห์ ตำบลพุมเรียง อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี โดยมีนายอารีย์ วงศ์อารยะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในพิธี โดย พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน อดีตรองนายกรัฐมนตรีและอดีตผู้บัญชาการทหารบก นายประสาน ศรีเจริญ รองประธานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย นายณรงค์ สืบตระกูล ที่ปรึกษาด้านประสิทธิภาพ กรมที่ดิน นายอำเภอไชยา ที่ดินอำเภอไชยา ส่วนราชการในพื้นที่ ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำศาสนาและประชาชนในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี เข้าร่วมกิจกรรมจำนวนมาก
นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า การมอบโฉนดที่ดินให้มัสยิดฮิดายะห์ บ้านพุมเรียง เป็นไปตามโครงการ “มอบโฉนดที่ดินทั่วไทย นำสุขคลายทุกข์ให้ประชาชน” ให้แก่ประชาชนผู้เป็นเจ้าของที่ดิน ซึ่งขอแสดงความยินดีกับชาวบ้านในพื้นที่ หมู่ที่ 2 ตำบลพุมเรียง อำเภอไชยา รวมถึง มัสยิดฮิดายะห์ ที่ได้รับโฉนดที่ดิน รวม 67 แปลง เพื่อเป็นหลักประกันในกรรมสิทธิ์การครอบครอง อยู่อาศัย ใช้ประโยชน์ที่ดิน รวมถึง สามารถใช้ที่ดินเพื่อทำกิน สร้างรายได้ หรือเป็นหลักประกันในการเข้าถึงแหล่งทุน เพื่อประกอบอาชีพและมีคุณภาพชีวิตที่ดี และมีมัสยิดหลังใหม่ ที่สวยงามเพื่อเป็นสถานที่ประกอบศาสนกิจ ศูนย์รวมจิตใจของชาวมุสลิมในพื้นที่ต่อไป
นายธงชัย ปิติเศรษฐ ประธานจัดงานและประธานการก่อสร้างมัสยิดฮิดายะห์ กล่าวว่า มัสยิดฮิดายะห์ เป็นมัสยิดเก่าแก่อายุ 300 ปี หลังเก่าได้ชำรุดทรุดโทรม คณะกรรมการมัสยิดจึงเห็นควรให้รื้อเพื่อสร้างหลังใหม่ ใช้งบประมาณกว่า 10 ล้านด้วย โดยส่วนหนึ่งมาจากการบริจาคของครอบครัว ผู้มีจิตศรัทธา และมาจากการจัดงานระดุมทุน ซึ่งได้เปิดใช้มาระยะหนึ่งแล้ว ต่อมานายวรพจน์ ไวยเวทา เลขานุการและผู้ร่วมก่อตั้งสถาบันศิลปะอิสลามแห่งประเทศไทย ได้ออกแบบป้านมัสยิดและลายศิลปะของป้าย โดยนำแบบอักษรมาจากฟอนต์ชื่อ“Chekamad” (เฉกอะหมัด) ที่ออกแบบโดย ดร. ดนุ ภู่มาลี อาจารย์ประจำวิทยาลัยการออกแบบ มหาวิทยาลัยรังสิต ที่ได้แรงบันดาลใจจากคำว่า “เจ้าพระยาบวรราชนายก เฉกอะหมัด” ที่ปรากฏอยู่บนอาคารสุสานของเฉกอะหมัด ที่ตั้งอยู่ภายในพื้นที่ของมหาวิทยาลัยราชภัฎพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และต้นตระกูลใหญ่ในประเทศไทย หนึ่งในนั้น คือ บุณยรัตกลิน ของพล.อ.สนธิ บุณยรัตกลิน
โดยแบบอักษรบนอาคารสุสานแห่งนี้ออกแบบโดยคุณทำเนียบ แสงเงิน ซึ่งเป็นทั้งศิลปินและนักประวัติศาสตร์ชุมชน ความโดดเด่นของตัวอักษร คือ มีเส้นสายที่อ่อนช้อยสวยงามและให้รู้สึกว่ามีลักษณะใกล้เคียงกับอักษรอาหรับ ขณะที่ลายศิลปะบนป้ายเป็นลวดลายอิสลามิกอาร์ท ที่พัฒนามาจากลายพระธาตุไชยา ยุคศรีวิชัยที่ได้รับอิทธิพลจากอิสลามิกอาร์ตจากเปอร์เชียในอดีต เป็นลวดที่เป็นอัตลักษณ์ของมัสยิดฮิดายะห์โดยเฉพาะ มีความสวยงามและแฝงด้วยปรัชญาที่ลึกซึ้ง
ด้านนายอารีย์ วงศ์อารยะ กล่าวชื่นชมและยินดีกับอิหม่าม คณะกรรมการมัสยิดตลอดจนสัปบุรุษของมัสยิด ที่มีความสามัคคีผนึกกำลังกันจนสามารถสร้างมัสยิดที่สวยงามแห่งนี้ได้สำเร็จและที่สำคัญ คือ การได้รับโฉนดที่ดิน ซึ่งเป็นเอกสารสิทธิ์ที่สำคัญตามกฎหมาย หลังจากประชาชนในพื้นที่ได้รอคอยกันมากว่า 300 ปี ตั้งแต่ก่อตั้งชุมชน ซึ่งในเรื่องนี้ต้องขอขอบคุณกรมที่ดินและผู้เกี่ยวข้องที่ได้สำรวจและออกเอกสารสิทธิ์ในพื้นที่ดังกล่าวแล้วเสร็จ
‘พวกเรา ผม พล.อ.สนธิ บุณยรัตกลิน อาจารย์ประสาน ศรีเจริญ ได้ให้การสนับสนุนการขอโฉนดที่ดินให้กับมัสยิดมาทั่วประเทศเป็นเวลาหลายปี โดยคุณพีรพจน์ เมธาพงษ์บริบูรณ์ เป็นผู้ประสานงาน เพื่อแก้ปัญหาให้กับมัสยิด และจะทำต่อไป’ นายอารีย์ กล่าว
ขณะที่พล.อ.สนธิ ได้กล่าวเสริมว่า ปัญหาที่ดินของมัสยิดหากไม่มีเอกสารสิทธิ์ ที่ดินที่บรรพบุรุษบริจาคให้มัสยิด เมื่อมีราคาสูงขึ้นลูกหลานก็ไม่ต้องการให้ และการออกโฉนดที่ดินให้มัสยิดก็มีความสลับซับซ้อน มีหลายขั้นตอน คณะของพวกเราตระหนักในปัญหานี้ จึงได้ร่วมกับสนับสนุนให้มีการออกโฉนดทั่วประเทศ
‘สิ่งที่อยากฝากสำหรับสังคมมุสลิม คือ เรื่องความสามัคคี ซึ่งเวลาไปที่ไหนก็จะเจอมีปัญหาทุกแห่ง ถ้าเราไม่สามัคคี ความร่วมมือร่วมมือในมิติต่างๆก็มีความยากลำบาก และขอให้พวกเราสร้างหลักฐานทางเศรษฐกิจให้เข้มแข็ง เพราะไม่เช่นนั้นเราก็รักษาอิสลามไว้ได้ยาก’
จากนั้น เป็นพิธีเปิดป้ายมัสยิดและมอบโฉนดที่ดินให้มัสยิดและชาวบ้านใกล้เคียง โดยอ.ประสาน ศรีเจริญ เป็นผู้กล่าวนำดุอา และได้กล่าวปิดท้ายว่า ที่ดินวากัฟ มีความสำคัญ เพราะเมื่อมีการวากัฟหรือบริจาคแล้ว ก็เป็นที่ดินของอัลเลาะฮ์ คณะกรรมการมัสยิดจึงเป็นผู้มีหน้าที่ดูแลรักษาที่ดินของอัลเลาะฮ์ บรรดาอุลามะห์ได้สรุปไว้ว่า สิ่งที่ทำให้ชีวิตคนวิบัติ ทั้งในโลกนี้และโลกหน้า คือไม่เจริญในโลกนี้และมีความยากลำบากในวันอาคีเราะห์ คือ การรับปากสิ่งที่คนตายมอบหมายและไม่ทำตามที่รับปาก การไม่ดูและรักษา คือ โกงที่ดินวากัฟ เด็กกำพร้า และรวมถึงคนที่มีตำแหน่งหน้าที่แต่ไม่ทำหน้าที่ด้วย
สำหรับการออกโฉนดที่ดิน ให้มัสบิดฮิดายะห์ และชาวบ้านใกล้เคียง มีจำนวน 67 แปลง เนื้อที่รวม 13 ไร่ 1 งาน 99 ตารางวา โดยกรมที่ดิน ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล ภายใต้โครงการมอบโฉนดที่ดินทั่วไทย นำสุขคลายทุกข์ให้ประชาชน เพื่อให้ประชาชนได้รับเอกสารสิทธิ์ที่ดิน ให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ ทำให้เกิดความชัดเจนในเรื่องแนวเขตที่ดิน ลดปัญหาการบุกรุกพื้นที่ป่าไม้ ลดข้อพิพาทเรื่องที่ดิน ซึ่งในปี 2565 มีการเดินสำรวจออกโฉนด 5 สาย ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ตามเป้าหมาย 5,950 แปลง ดำเนินการได้เกินเป้าหมายรวม 6,578 แปลง