นิทานรอมฎอน: อิหม่ามหัวขโมย?

อิหม่ามคนหนึ่งในประเทศแถบชายฝั่งแอฟริกาเป็นผู้เล่าเรื่องนี้ให้ฟัง คลิปเดิมเป็นภาษาฝรั่งเศสถูกแปลและเรียบเรียงเป็นภาษาอาหรับก่อนแปลอีกครั้งเป็นภาษาไทย ขอดัดแปลงสักหน่อยเพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น(ดร.วินัย ดะห์ลัน)
เรื่องมีว่ามีการแต่งตั้งผู้ท่องจำคัมภีร์อัลกุรอ่านได้ทั้งเล่ม รู้ภาษาท้องถิ่น มีความใฝ่รู้ในเรื่องศาสนาคนหนึ่งเป็นอิหม่ามประจำมัสญิดในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ซึ่งสัปปุรุษทุกคนล้วนเห็นดีเห็นงามกับการแต่งตั้งครั้งนั้น ทุกครอบครัวต่างแย่งกันเชิญอิหม่ามคนใหม่ไปเป็นเกียรติแก่บ้านเรือนของพวกเขา ช่วงเวลานั้นเป็นเดือนรอมฎอนพอดิบพอดี
กระทั่งถึงคิวของครอบครัวหนึ่งได้มีโอกาสเชิญอิหม่ามมาละศีลอดที่บ้าน อิหม่ามมาตามคำเชิญหลังละหมาดมัฆริบ การต้อนรับขับสู้เป็นไปอย่างดี อิหม่ามได้รับเกียรติอย่างที่สุด เมื่อรับประทานเสร็จอิหม่ามจึงขอตัวกลับ พร้อมขอดุอาอฺให้แก่เจ้าภาพ ครั้นเมื่อฝ่ายภรรยาล้างถ้วยชามหม้อไหและทำความสะอาดห้องรับแขก ทันได้นั้นเธอก็นึกขึ้นได้ว่า ได้วางเงินก้อนหนึ่งซึ่งไม่น้อยทีเดียวไว้บนโต๊ะอาหาร ตอนนี้มันไปอยู่ไหน

เธอพยายามหาเงินก้อนนั้นทั่วห้องก็ไม่พบร่องรอย เมื่อสามีของเธอกลับจากละหมาดตะรอเวียะฮฺ เธอจึงบอกเรื่องดังกล่าวแก่เขา และถามเขาว่า เขาได้เอาเงินจำนวนนั้นไปหรือไม่ แต่สามียืนกรานปฏิเสธ หลังจากไตร่ตรองอย่างรอบคอบแล้วทั้งสองจึงลงความเห็นว่า ไม่มีใครเข้ามาในบ้านของพวกเขานอกจากอิหม่ามคนเดียว พวกเขามีลูกสาวแบเบาะอยู่คนหนึ่งซึ่งไม่มีทางลุกออกมาจากเปลได้ ทั้งสองจึงได้ข้อยุติว่า คนที่น่าสงสัยที่สุดมีแค่คนเดียวคืออิหม่ามคนนั้นแน่นอน ทำให้ผู้เป็นสามีโกรธแค้นมากว่า เป็นถึงอิหม่ามทำเช่นนี้ได้อย่างไร?! สู้อุตส่าห์เชิญมาบ้านและเลี้ยงดูปูเสื่ออย่างดี มิหนำซ้ำเรื่องเช่นนี้ยังเกิดขึ้นในเดือนรอมฎอนอีก ซึ่งที่ถูกแล้วอิหม่ามควรเป็นเยี่ยงอย่างที่ดีแก่คนอื่น
ทั้งสองจึงได้ข้อยุติว่า คนที่น่าสงสัยที่สุดมีแค่คนเดียวคืออิหม่ามคนนั้นแน่นอน ทำให้ผู้เป็นสามีโกรธแค้นมากว่า เป็นถึงอิหม่ามทำเช่นนี้ได้อย่างไร?! สู้อุตส่าห์เชิญมาบ้านและเลี้ยงดูปูเสื่ออย่างดี มิหนำซ้ำเรื่องเช่นนี้ยังเกิดขึ้นในเดือนรอมฎอนอีก ซึ่งที่ถูกแล้วอิหม่ามควรเป็นเยี่ยงอย่างที่ดีแก่คนอื่น

แต่ถึงจะโกรธชายคนนั้นก็ยังมีความเกรงใจอยู่ เขาปกปิดเรื่องนั้นไว้กับตัว และอายที่จะโพล่งออกมาต่อหน้าอิหม่าม แต่ในขณะเดียวกันเขาก็พยายามหลบหน้าหลบตาอิหม่าม ไม่อยากให้สลามหรือพูดคุยด้วย กระทั่งหนึ่งปีผ่านไป รอมฎอนมาเยือนอีกครั้ง และถึงคิวที่ครอบครัวของเขาต้องเชิญอิหม่ามคนเดิมมาละศีลอด แต่เขายังฝังใจกับเหตุการณ์ขโมยครั้งนั้น จึงปรึกษากับภรรยาว่าจะหาทางออกอย่างไร แต่ฝ่ายภรรยาซึ่งเป็นคนอ่อนโยน นางสนับสนุนให้เขาเชิญ โดยนางกล่าวว่าบางทีอิหม่ามอาจเดือดร้อนจริงๆ จนต้องทำเช่นนั้น เราจงอภัยให้เขาเถิด เพื่ออัลลอฮฺจะได้ทรงอภัยแก่เรา
ฝ่ายสามีจึงเชิญอิหม่ามอีกครั้ง เมื่ออิหม่ามมาที่บ้านและละศีลอดเสร็จ ผู้สามีจึงได้ถามอิหม่ามว่า อิหม่ามสังเกตหรือไม่ว่าท่าทีของเขาสองคนที่ปฏิบัติต่ออิหม่ามนั้นเปลี่ยนแปลงไป อิหม่ามตอบว่า นั่นน่ะสิ แต่ไม่ได้ใส่ใจ เพราะมีภารกิจมาก ฝ่ายสามีรุกต่อว่าขอถามอะไรสักอย่าง และขอความกรุณาอิหม่ามตอบตรงๆ รอมฎอนปีที่แล้วฝ่ายภรรยาได้ลืมเงินก้อนหนึ่งไว้บนโต๊ะอาหาร แล้วมันได้หายหลังจากที่อิหม่ามกลับไป ทั้งสองคนค้นหาจนทั่วบ้านแต่ไม่พบ อิหม่ามเอาเงินนั้นไปใช่ไหม ฝ่ายสามีรุกด้วยคำถาม
อิหม่ามตอบว่าถูกต้องแล้วตนหยิบไปเอง ตอบเช่นนั้นเจ้าของบ้านถึงกับพูดไม่ออก หลังจากนั้นอิหม่ามได้พูดต่อว่าตนเองเหลือบเห็นเงินกองนั้น ในขณะที่หน้าต่างเปิดอยู่ แล้วลมได้พัดเงินปลิวกระจาย อิหม่ามจึงเก็บรวบรวมมันไว้ เพื่อไม่ให้เป็นการลำบากแก่เจ้าของบ้านที่ต้องตามเก็บทีละใบ อิหม่ามเล่าถึงตอนนี้แล้วก็ก้มหน้าร้องไห้ออกมาอย่างไม่อาย ก่อนจะพูดกับสามีภรรยาเจ้าของบ้าน อิหม่ามถามว่ารู้ไหมทำไมตนจึงร้องไห้? ไม่ได้ร้องไห้เพราะถูกกล่าวหาทั้งๆที่มันช่างเจ็บปวดเหลือหลาย แต่ที่ร้องไห้ เพราะวันนั้นเมื่อรวบรวมเงินที่กระจายบนพื้นได้แล้ว เกรงว่าลมจะพัดเงินปลิวอีกจึงนำเงินทั้งหมดวางไว้ในหนังสือกุรอ่านเพราะเชื่อว่าเดือนรอมฎอนจะอย่างไรเจ้าของบ้านต้องเปิดกุรอ่านสักครั้งและพบว่าเงินทั้งหมดอยู่ในนั้น
วันเวลาผ่านไปหนึ่งปีเต็ม กระทั่งเข้ารอมฎอน อีกครั้ง เจ้าของบ้านทั้งสามีภรรยาไม่มีใครเปิดกุรอานอ่านกันเลยหรือ เพราะเปิดแม้เพียงครั้งเดียวก็จะพบเงินทุกบาททุกสตางค์อยู่ในกุรอ่าน อิหม่ามพูดทำนองต่อว่า พูดครั้งหลังนี้กลายเป็นฝ่ายสามีภรรยาที่พากันก้มหน้าร้องไห้
แปล: Mohammad AL Tamimi