โจรล้วงคองูเห่า ย่องลัก “พญาคชสีห์ราชเสนีย์พิทักษ์” ตั้งประดิษฐานซุ้มหน้า อาคารสำนักงาน สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ กระทรวงกลาโหม เปิดประวัติ หล่อในปีมหามงคล ร.9 ครองสิริราชสมบัติ 60 ปี
จากกรณีเมื่อวันที่ 28 ก.ค.65 เกิดเหตุคนร้ายขโมย พญาคชสีห์ราชเสนีย์พิทักษ์ เนื้อโลหะ สีดำซึ่งตั้งประดิษฐานอยู่ในซุ้มด้านหน้าบริเวณทางเข้า อาคารสำนักงานสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ กระทรวงกลาโหม ไป 1 องค์ โดยคนร้ายไม่เกรงกลัวกฎหมาย ทั้งทีเป็นสถานที่ราชการ ตั้งอยู่เขตทหารโดยอาศัยช่วงวันหยุดยาวเข้ามาขโมย พญาคชสีห์ราชเสนีพิทักษ์ซึ่งตั้งอยู่ทางด้านซ้ายของสถาบัน เทคโนโลยีป้องกันประเทศ ส่วนพญาคชสีห์สยามปฐพีพิทักษ์ ซึ่งตั้งอยู่ด้านขวาคู่กันไม่ถูกคนร้ายขโมยไปนายสมเกียรติ พันชนะ อายุ 45 ปี รปภ.เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.ณัฐธนพล อินทรเรืองศร สารวัตร (สอบสวน) สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ว่าขณะเข้าเวรปฏิบัติหน้าที่สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ กระทรวงกลาโหม ภายในเมืองทองธานี ถนนแจ้งวัฒนะ ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด ซึ่งดูจากกล้องวงจรปิด ได้ถูกคนร้ายเป็นชาย ขี่จยยเข้ามาก่อเหตุ รักองค์พญาคชสีห์ราชเสวีพิทักษ์หลบหนีไปขณะที่ น.ส.แสง พงษา เจ้าหน้าที่ รปภ.อีกคนหนึ่ง กล่าวว่า องค์พญาคชสีห์ราชเสนีพิทักษ์ กับองค์พญาคชสีห์สยามปฐพีพิทักษ์ เพิ่งอัญเชิญมาประดิษฐานเมื่อปีที่แล้ว ก็อยากให้จับคนร้ายได้โดยเร็ว โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.ปากเกร็ด อยู่ระหว่างลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิด ซึ่งติดอยู่หน้าสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศจำนวนหลายตัว เพื่อเป็นแนวทางในการติดตามตัวคนร้ายที่ก่อเหตุ
สำหรับประวัติ “พญาคชสีห์ราชเสนีย์พิทักษ์” ของ สทป.เป็นการหล่อองค์จำลองเพื่อแจกจ่ายให้กับหน่วยงานสังกัดกระทรวงกลาโหม เหล่าทัพ ทูตต่างประเทศ ในโอกาสปีมหามงคลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี เมื่อ ปี 2549 และในโอกาสที่กระทรวงกลาโหมครบ 120 ปีในขณะนั้น กระทรวงกลาโหม ได้จัดสร้าง “พญาคชสีห์” สัญลักษณ์กระทรวงกลาโหม ซึ่งนำมาจัดตั้งบริเวณทางเข้าออกกระทรวงกลาโหม เนื่องจาก องค์พญาคชสีห์เป็นสัตว์ในเทพนิยาย เป็นส่วนผสมระหว่างราชสีห์กับช้าง (คช) ซึ่งในสมัยโบราณถือว่าคชสีห์เป็นเครื่องหมายแทนทหาร รวมทั้งตราประจำตำแหน่งของสมุหกลาโหมก็ใช้ตราคชสีห์เป็นสัญลักษณ์
สำหรับความสูงของพญาคชสีห์ ซึ่งวัดจากพื้นถึงหลังตามหลักการวัดส่วนสูงของม้าจะมีความสูง 120 เซนติเมตร เท่ากับ 120 ปี กระทรวงกลาโหม แต่ถ้าวัดจากฐานถึงลายกนกที่เป็นส่วนสูงสุด จะสูงทั้งหมด 4.50 เมตร โดยพระพรหมวชิรญาณ เจ้าอาวาสวัดยานนาวา เป็นผู้ดูแลในเรื่องของพิธีกรรมทางศาสนาและตั้งชื่อพญาคชสีห์ ซึ่งจะมีพิธีเททอง ที่โรงหล่อที่อำเภอบางปะหัน จังหวัดพระนครศรีอยุธยาโดยมีการหล่อ 2 องค์ ที่มีลักษณะต่างจากดวงตราที่เคยมี เพราะดวงตราดังกล่าวนั้นจะมองในทางข้าง ซึ่งจะมีท่ายืนยกเท้าขางหนึ่ง แต่องค์คชสีห์ที่จะหล่อขึ้นใหม่จะยืน 4 เท้ามั่นคง และเท้าหลังย่างไปข้างหน้า โดยทั้งสององค์ตั้งที่ประตูทางเข้า-ออกของกระทรวง ประตูทางเข้าอยู่ทางทิศใต้ มีชื่อว่า “พญาคชสีห์สยามปฐพีพิทักษ์” หมายความว่าพิทักษ์แผ่นดินไทย
ส่วนองค์ทางประตูออกซึ่งอยู่ทิศเหนือชื่อว่า “พญาคชสีห์ราชเสนีพิทักษ์” หมายความว่าเป็นทหารพิทักษ์พระราชา ซึ่งความหมายรวมคือเราจะพิทักษ์ประเทศชาติและราชบัลลังก์ โดยมีพิธีพุทธาภิเษก และ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เป็นประธานเปิดแพรคลุมป้ายอย่างไรก็ตาม นอกจากองค์คชสีห์ดังกล่าวแล้วยังจะสร้างองค์คชสีห์จำลองรุ่นที่ 1 อีก 109 องค์ และมีการเข้าพิธีพุทธาภิเษกเช่นกัน โดยจะมีหมายเลขประจำองค์กำกับตั้งแต่ 001/109-109/109 ทั้งนี้ องค์แรกหมายเลข 001 จะเก็บไว้เป็นต้นแบบพร้อมกับสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการจัดสร้างไว้ที่กระทรวงกลาโหม เพื่อให้ไว้เป็นประวัติศาสตร์ องค์ที่ 2 จะถวายพระพรหมวชิรญาณ เจ้าอาวาสวัดยานนาวา องค์ที่ 3 มอบให้ พล.อ.เปรม ส่วนองค์ต่อๆ ไปจะมอบให้สมุหราชองครักษ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการเหล่าทัพ อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม ที่ยังมีชีวิตอยู่ หัวหน้าหน่วยขึ้นตรงของสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม และคณะกรรมการที่มีส่วนจัดสร้าง รวมทั้งผู้บังคับบัญชาชั้นสูง หรือผู้มีอุปการะคุณต่อกระทรวงกลาโหมในโอกาสข้างหน้า