“หมอชลน่าน” เย้ยรัฐบาลไม่ประเมินตัวเองเหตุแพ้เลือกตั้งซ่อมส.ส.ลำปาง

“หมอชลน่าน” เย้ยรัฐบาลไม่ประเมินตัวเองเหตุแพ้เลือกตั้งซ่อมที่ลำปาง โวรบร้อยครั้งแพ้ร้อยครา เชื่อ “ผู้กองธรรมนัส” หนุนศึกซักฟอก หวั่นใจงูเห่าแผลงฤทธิ์ทำเสียงไม่พอ อุบลำดับอภิปราย รัฐมนตรี

วันที่ 13 ก.ค.2565 นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายรัฐบาลออกมาโต้แย้งว่า การเลือกตั้งซ่อม จ.ลำปาง พรรคเสรีรวมไทย ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านชนะการเลือกตั้ง พรรคเศรษฐกิจไทย ของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย ไม่ใช่ภาพสะท้อนผลการระดับประเทศที่กำลังจะเกิดขึ้น ว่าข้อเท็จจริงขณะนี้มันชัด ผลการเลือกตั้งบ่งชัดว่าฝ่ายประชาธิปไตย มีความเห็นร่วมกันตั้งแต่ต้นว่าส่ง พรรคเสรีรวมไทย ให้ไปสู้กับอีกฝ่ายหนึ่ง ขณะนั้นเป็นอดีต ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ย้ายมาอยู่พรรคเศรษฐกิจไทย ซึ่งยังไม่ประกาศตนเองชัดเจนว่าอยู่ฝ่ายใด ทุกคนเข้าใจว่าอยู่ฝั่งรัฐบาล พอผลการเลือกตั้งออกมา หักปากกาโพล หักความคาดหมายของทุกฝ่ายอย่างสิ้นเชิง โพลทุกโพลฝ่ายรัฐบาลชนะขาด แต่ผลเลือกตั้งออกมาพรรคเสรีรวมไทย ชนะขาด ข้อเท็จจริงบ่งชี้ว่า คะแนนนิยมอยู่ที่ฝั่งประชาธิปไตย

เมื่อเจาะลึกไปถึงเหตุผลพรรคเศรษฐกิจไทยที่หัวหน้าพรรค ประกาศจุดยืนอย่างชัดเจนว่า ฟังเสียงจากพื้นที่แล้ว เหตุผลประการหนึ่งที่ทำให้พรรคเศรษฐกิจไทยพ่ายแพ้ เลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ เนื่องจากชาวบ้านเขาไม่เห็นจุดยืนที่ชัดเจน ว่าอยู่ฝั่งไหนทำอะไร เป็นเหตุให้พรรคเศรษฐกิจไทย ต้องออกมาแสดงเจตนารมณ์ว่าอยู่ตรงข้ามรัฐบาล การตัดสินใจการเมืองเป็นการตัดสินใจที่ยิ่งใหญ่ ที่สำคัญ เหตุผลที่เขาตัดสินใจย่อมเป็นเหตุผลที่เชื่อถือได้ มันบ่งชี้ชัดเจนถึงกระแสนิยมฝ่ายประชาธิปไตย พูดในมุมกลับกระแสไม่เอารัฐบาลมีผลสูงมากในการเลือกตั้ง เมื่อวิเคราะห์จากตรงนี้ ย้อนไปดูผลการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ก็สอดคล้องกัน กระแสชัชชาติแลนด์สไลด์ชนะทุกเขตเลือกตั้งเลย ที่ จ.ลำปาง ก็เช่นเดียวกัน ทุกอำเภอ ทุกเขตเลือกตั้ง พรรคเศรษฐกิจไทย ซึ่งเป็นฝ่ายประชาธิปไตยชนะทุกหน่วย ชนะแบบขาดทุกอำเภอ เป็นภาพสะท้อนรัฐบาล แค่ประชาชนมีสมมุติฐานว่าพรรคเศรษฐกิจไทย อยู่ฝ่ายรัฐบาล ขณะที่ประกาศตัวว่าอยู่กลางๆ ไม่ได้อยู่กับฝ่ายรัฐบาล แต่ประชาชนเชื่อว่าอยู่ฝ่ายรัฐบาล จึงไม่โหวตให้

“ดังนั้นการที่ฝ่ายรัฐบาลกล่าวว่าการเลือกตั้งซ่อมที่ จ.ลำปาง ไม่ได้สะท้อนภาพการเลือกตั้งใหญ่ อันนี้เป็นเพียงแค่คำปลอบใจตนเอง ประมินสถานการณ์ที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง เป็นอันตรายทางการเมือง รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง แต่ถ้ารู้เขาไม่รู้ เราก็จะออกมาอีกมุมหนึ่ง แต่ถ้ารู้เขาหมดเลย ฝ่ายค้านเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ไม่รู้จักตัวเอง คือเป็นการประเมินตนเองไม่ออก ขณะนี้รัฐบาลไม่รู้ตนเองว่าเป็นอย่างไร รบร้อยครั้งแพ้ร้อยครา”

เมื่อถามว่า ร.อ.ธรรมนัส ประกาศตัวอยู่ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล ฝ่ายค้านมองว่าพรรค ศท. จะมีทิศทางต่อการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้อย่างไร นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ในเมื่อประกาศไม่อยู่ฝ่ายรัฐบาลแล้ว แน่นอนว่าเขามาเป็นฝ่ายตรวจสอบ จะไม่เรียกฝ่ายค้านไม่ได้ ทิศทางการทำงานคงชัดเจนว่ารัฐมนตรีที่เขารอดูข้อมูลที่จะถูกอภิปราย คงจะเห็นพ้องกับฝ่ายค้านเรา คงจะลงมติไปในแนวทางเดียวกัน ถามว่าจะถึงขั้นมีเสียงล้มรัฐบาลได้หรือไม่ คงต้องไปดูเสียงจริง เพราะขณะนี้ต้องยอมรับว่า ฝ่ายค้านถูกดึงตัว ถูกซื้อตัวไปเยอะมาก ที่พวกเราเรียกว่างูเห่า อันนี้ตัวแปรที่มีผลพอสมควร ขึ้นอยู่กับว่า จังหวะนั้นความสำนึกรับผิดชอบของผู้ที่จะลงมติ ณ ขณะนั้น ที่มีต่อบ้านเมืองมีจำนวนมากน้อยขนาดไหน ข้อมูลชัดแจ้งแต่เอาเสียงข้างมากลากไปอันนี้ค่อนข้างลำบากใจในการทำหน้าที่ผู้แทนราษฎร ฉะนั้นขึ้นอยู่กับพี่น้องประชาชนตัดสิน

เมื่อถามว่ามีข่าวลือว่ามีการจัดอันดับอภิปรายไม่ไว้วางใจ รัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทย (ภท.) อยู่ดับต้นๆ และอันดับสุดท้ายเป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นการปรับกลยุทธ์อะไรหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านมอบให้ประธานวิปฝ่ายค้านกับคณะทำงาน ประกอบด้วยพรรคร่วม ดูรายละเอียดจัดอันดับ ว่าจะอภิปรายใครมากน้อยขนาดไหน ยังไม่เป็นข้อตกลงที่ชัดเจน เพียงแต่พูดคุยแนวทางว่าแนวทางไหนเหมาะสมที่สุด จะอภิปรายรัฐมนตรีหลักๆ แต่พูดถึงคนอื่นได้ด้วย เขาเรียกเป็นรัฐมนตรีหลัก รัฐมนตรีรอง ส่วนในเรื่องจะเอานายกรัฐมนตรีไว้ลำดับไหน ยังไม่มีข้อสรุป