“ทนายศักดิ์สยาม” จี้ “มงคลกิตติ์” ถ้าแน่จริงให้มอบตัวสู้คดีที่ “ศาลบุรีรัมย์”

“ทิวา การกระสัง”ทนายความ “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” ชี้แจงคดีแจ้งความ “เต้ -มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์” ปมคลัสเตอร์ทองหล่อ ชี้ หากแน่จริง ให้มามอบตัว สู้คดี ที่ จังหวัดบุรีรัมย์

นายทิวา การกระสัง ทนายความ เป็นผู้รับมอบจากนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ไปแจ้งความดำเนินคดี นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ออกแถลงการณ์ระบุว่า ตามที่ นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ แถลงข่าวว่า จะฟ้องกลับ นายศักดิ์สยาม เป็นเงิน ๑๐๐ ล้านบาท เนื่องจากศาลพิพากษายกฟ้องในคดีอาญาหมายเลข อ.๑๐๖๓/๒๕๖๔ ของศาลอาญา นั้น เป็นคนละเรื่องกันกับที่ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ แจ้งความดำเนินคดีนายมงคลกิตติ์ ที่ สถานีตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ การที่กระผม นายทิวา การกระสัง ทนายความ เป็นผู้รับมอบไปแจ้งความดำเนินคดี นายมงคลกิตติ์ ที่ศาลจังหวัดบุรีรัมย์ นั้น เป็นกรณีที่มีการโพสต์ว่านายศักดิ์สยาม เป็นต้นเหตุของ คลัสเตอร์ทองหล่อ ในเดือนเมษายน ๒๕๖๔ และนำภาพที่มีการรับประทานอาหาร มี นายศักดิ์สยามนั่งอยู่ว่าเป็นต้นเหตุ ซึ่งเป็นภาพเก่า เป็นคนละกรณีกับข้อเท็จจริงในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อ.๑๐๖๔/๒๕๖๔ ของศาลอาญา

ในคดีดังกล่าว ผู้เสียหายนำข้อเท็จจริงที่จำเลยคือ นายมงคลกิตติ์ ไปโพสต์ในกรณีเจ็ตสกี ซึ่งทำให้ผู้เสียหายเกิดความเสียหาย และมีการไปเผยแพร่ในสำนักข่าวอีกสองสำนัก ซึ่งศาลวินิจฉัยว่า โพสต์ดังกล่าวของนายมงคลกิตติ์ มีการเบลอภาพ และไม่ระบุชื่อโดยตรง ถึงแม้สำนักข่าวจะนำภาพ และข้อความที่นายมงคลกิตติ์ เผยแพร่ใต้ภาพที่เบลอภาพนั้น ก็ไม่มีพยานหลักฐานว่านายมงคลกิตติ์ เป็นผู้ส่งภาพนั้นให้สำนักข่าว อีกทั้งการวิจารณ์ผู้เสียหายก็ไม่ระบุชื่อ ศาลจึงถือว่าเป็นกรณีสงสัย ไม่ประทับรับฟ้อง คดีดังกล่าวเป็นการนำข้อเท็จจริงที่มีอยู่จริง และเป็นข้อความที่จำเลยเป็นผู้โพสต์ข้อความเอง มีข้อเท็จจริงนายมงคลกิตติ์ โพสต์ขอโทษผู้เสียหายจากการกระทำดังกล่าว ไม่ใช่เป็นการฟ้องเท็จ และผู้เสียหายไม่ใช่ นายศักดิ์สยาม ดังนั้น นายมงคลกิตติ์ จะนำข้อเท็จจริงในคดีดังกล่าวมาฟ้องเรียกค่าเสียหายจากนายศักดิ์สยาม ไม่ได้ตามกฎหมาย เพราะคดีที่นายศักดิ์สยาม มอบอำนาจให้กระผมในฐานะทนายความแจ้งความนั้น มีการระบุชื่ออย่างชัดแจ้ง และเป็นหลายกรณี หรือ หลายกรรม ไม่ใช่เฉพาะกรรมที่มีการขี่เจ็ตสกีอย่างเดียว พนักงานสอบสวนสั่งฟ้องไปยังพนักงานอัยการ นายมงคลกิตติ์ ขอเลื่อนไม่ไปรายงานตัวกับพนักงานอัยการโดยอ้างเหตุประชุมสภา

หากนายมงคลกิตติ์เห็นว่าสิ่งที่ตนเองกระทำต่อนายศักดิ์สยามในเรื่องคลัสเตอร์ทองหล่อไม่เป็นความผิดและเป็นการวิจารณ์การทำงานของรัฐมนตรีตามที่นายมงคลกิตติ์กกล่าวอ้าง ก็ควรมารายงานตัวต่อพนักงานอัยการเพื่อต่อสู้คดีตามกฎหมาย ไม่ใช่อ้างเอกสิทธิ์คุ้มครองในฐานะที่ตนเองเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามรัฐธรรมนูญ และการสัมภาษณ์ใดๆ ก็ควรให้สัมภาษณ์ในเรื่องที่เป็นความจริง เนื่องจากในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อ.๑๐๓๖/๒๕๖๔ ผู้เสียหายหรือโจทก์สามารถอุทธรณ์และฎีกาได้ตามกฎหมาย อีกทั้งมีการระบุพยานในสำนวนคดีดังกล่าว ก็เป็นการไต่สวนในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง พยานที่ระบุก็ไม่มีการเรียกมาให้การ เป็นเรื่องของกระบวนการในชั้นพิจารณา หากคดีมีมูลไม่ใช่กรณีที่โจทก์เรียกนายศักดิ์สยาม มาเบิกความที่ศาลแล้ว นายศักดิ์สยาม ไม่มาศาลตามที่นายมงคลกิตติ์ให้สัมภาษณ์

การเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรซึ่งเป็นคนของประชาชนที่ได้รับการเลือกตั้งมา ควรจะแถลงหรือให้ข่าวในสิ่งที่เป็นความจริง ไม่ใช่แถลงข่าวบิดเบือนและต้องการให้ตนเองเป็นข่าว หากแน่จริง ก็มามอบตัวสู้คดีที่จังหวัดบุรีรัมย์ กระผมในฐานะผู้รับมอบอำนาจและในฐานะทนายความ ยินดีต้อนรับและได้ต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรม ไม่ใช่คดียังไม่เสร็จแล้วมาให้สัมภาษณ์ว่าจะฟ้องคนโน้นคนนี้เรียก ๑๐๐ ล้านบาท ฝากถึงนายมงคลกิตติ์ ว่า ผมในฐานะทนายความ และเป็นคนบุรีรัมย์ พร้อมเสมอสำหรับคดีที่นายศักดิ์สยาม แจ้งความในกรณีคลัสเตอร์ทองหล่อ และภาพที่นำมาเผยแพร่ และควรนำทนายความเก่งๆ มาสักหลายๆ คนสำหรับคดีที่บุรีรัมย์