“อนุทิน” ขอ “ตร.-ฝ่ายปกครอง” ใช้ กม.คุมกัญชา พบการกระทำผิด ดำเนินคดีได้เลย

รมว.สาธารณสุข ขอให้ฝ่าย จนท.ตำรวจ และ ฝ่ายปกครอง ใช้กฎหมายควบคุมกัญชาอย่างเข้มงวด หากพบว่ามีการกระทำผิด ให้ดำเนินคดีได้ทันที

วันที่ 8 ก.ค. 2565 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงความเป็นห่วงของสังคมไทยที่มีต่อการปลดล็อกกัญชา โดยมีเจตนาเพื่อใช้ทางการแพทย์ แต่กลับพบคนบางกลุ่มนำไปใช้เพื่อความบันเทิง ว่า มันมีการมวนขายกันใช่ไหม ขออย้ำว่าเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย เพราะประกาศของกระของกระทรวงสาธารณสุขออกมาแล้ว ว่าห้ามสูบในที่สาธารณะ แล้วไปมวนสูบกันที่ถนนข้าวสารตรงนั้น มันผิดกฎหมายอยู่แล้ว ซึ่งผู้อำนวยการเขตพระนคร ก็ไปสั่งให้ห้ามขายโดยใช้กฎหมาย สรุปคือกฎหมายเรามีแล้ว ทั้งประกาศของกระทรวงสาธารณสุข กทม. กระทรวงมหาดไทย ประกาศของ ผบ.ทบ. นั่นคือกฎหมาย อะไรที่นอกเหนือจากนั้น เรียกว่าผิดกฎหมาย

กระทรวงสาธารณสุขตรากฎหมายแล้ว หน่วยงานอื่นก็มีกฎหมาย แต่อย่างลืมว่าคนที่ตั้งใจจะทำผิดกฎหมาย เจ้าพนักงานของรัฐ เจ้าหน้าที่รัฐ ทั้งตำรวจ ฝ่ายปกครอง ก็ต้องลงไปดูแล จะยกตัวอย่างในกระทรวงสาธารณสุข ถ้าพบเห็นการผลิตยาเถื่อน เจ้าหน้าที่ของ อย.เป็นเจ้าพนักงาน สามารถเข้าไปหยุดการกระทำ ดำเนินคดีได้ ส่วนเรื่องกัญชา เราไม่มีหน่วยงานของกระทรวงฯ ที่จะเข้าไปชาร์จ เข้าไปจับกุม ต้องให้ตำรวจ หรือเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองเข้าไปจัดการ ถ้ามีคนสูบกัญชาในที่สาธารณะ ควันพุ่งออกมาเลย ตำรวจเห็น จับได้ เพราะก่อให้เกิดความรำคาญ ซึ่งก็ตรงกับประกาศของกรมอนามัยแล้ว ถ้าเจ้าพนักงานเข้มข้น คนมันจะระมัดระวังในการใช้มากขึ้น

จากนั้น ผู้สื่อข่าวถามต่อถึงความกังวลว่าเด็กจะเสพกัญชาในโรงเรียน นายอนุทิน กล่าวว่า ว่ากันตามกฎหมาย ประกาศของกระทรวงสาธารณสุข ประกาศของกระทรวงศึกษาธิการ ห้ามใช้กัญชาในโรงเรียน ห้ามคนอายุตำกว่า 10 ปี ใช้กัญชา มันก็ชัดเจน ว่าเขาห้ามเด็กชัด แล้วไปสูบกัญชา แบบนั้นมันผิดแน่นอน การที่เด็กคนนั้น ถือกัญชาเข้าไป มีการผิดกฎหมายแล้ว เจ้าพนักงานต้องไปหาดูว่าเด็กได้มาจากไหน คนเอาให้ คนขายให้ คือผู้กระทำผิดกฎหมาย ตอนนี้ ก็ต้องหวังพึ่งเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ท่านมีอำนาจแล้ว กฎหมายออกมาควบคุม และให้ท่านเข้าไปจัดการได้

นโยบายกัญชา มันเป็นนโยบายเสรีทางการแพทย์ มันเข้ามาแล้ว ต้องทำ เพราะตอนร่วมรัฐบาล ก็เอานโยบายนี้ไปทำเป็นนโยบายรัฐบาลด้วย ท่านพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ท่านเองก็ถามเราหลายครั้ง ว่าจะทำอย่างไร ต้องเอาหมอ ผู้เชี่ยวชาญ ไปอธิบาย จนกลายเป็นนโยบายเร่ง เรื่องของการปลดล็อกกัญชา คนที่เซ็นคือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข แต่คนที่พิจารณาผ่านเข้ามาคือคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด มีรองนายกรัฐมนตรี ท่านวิษณุ เครืองาม เป็นประธาน ในนามนายกฯ ท่านชงเรื่องขึ้นมา เราก็ต้องเซ็น เรื่องนี้ เป็นนโยบายเร่งด่วน ยังใช้เวลาตั้ง 3 ปี ตอนนั้น คณะกรรมการ ปปส. เขาก็มีหลายหน่วยงานมาช่วยกันศึกษา เพราะมีความกังวลเรื่องของกฎหมายระหว่างประเทศ ผลกระทบด้านต่างๆ ก็จึงออกมาเป็นการปลดล็อกเพื่อใช้ทางการแพทย์ สิ่งที่สังคมคุยกันตอนนี้ เราคุยกันที่ประชุมแล้ว

ตอนนี้ พ.ร.บ.กัญชา อยู่ในชั้นพิจารณาของคณะกรรมาธิการ น่าจะเสร็จเดือนสิงหาคม สิ่งที่เกิดขึ้นในสังคม เขาต้องเอาไปร่างเป็นกฎหมายแน่นอน คณะกรรมาธิการ มีทั้งฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน มีผู้ทรงคุณวุฒิ เราก็เร่งออก ระหว่างนั้น ก็ใช้ประกาศของหน่วยงานมาก่อน แล้วที่ใครมาบอกว่าไม่ศักดิ์สิทธิ์ อย่าไปดูแคลน เพราะตอนนี้ มีการดำเนินคดีกันแล้ว