ฝ่ายค้าน ยันอภิปรายต้อง 5 วัน มั่นใจคำนวณ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ จบด้วยหาร 100

“สมคิด เชื้อคง” สส.อุบลฯ พรรคเพื่อไทย ยัน ฝ่ายค้านต้องการอภิปรายไม่ไว้วางใจ 5 วัน ดักคอทีมองครักษ์รัฐบาลอย่าประท้วงจนผิดข้อบังคับ มั่นใจคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ จบด้วยหาร 100

วันที่ 2 ก.ค. 2565 นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะ รองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงความคืบหน้าการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ว่า หลังจากรัฐบาลระบุว่าพร้อมให้มีการอภิปรายตั้งแต่วันที่ 19 ก.ค. เป็นต้นไป โดยวันที่ 6 ก.ค. นี้ นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ได้นัดวิปทั้ง 2 ฝ่ายหารือกันเกี่ยวกับวันและเวลาในการอภิปราย

ทั้งนี้ ทางวิปฝ่ายค้านยืนยันจะขอเวลาอภิปราย 5 วัน และลงมติในวันที่ 6 เนื่องจากครั้งนี้อภิปรายรัฐมนตรีถึง 11 คน มากที่สุดตั้งแต่มีการอภิปรายมา มีรายละเอียดข้อมูลจำนวนมาก หากได้วันน้อยกว่านี้คงไม่เพียงพอต่อการทำหน้าที่ตรวจสอบของฝ่ายค้าน ยืนยัน พรรคร่วมฝ่ายค้านมีความพร้อมในการอภิปราย โดยจะชี้ให้ประชาชนเห็นข้อบกพร่องในการทำงานของรัฐบาลอย่างแน่นอน ส่วนพรรคเพื่อไทยเองอยู่ระหว่างการจัดตัวผู้อภิปราย เบื้องต้นจะอยู่ที่ประมาณ 15 คน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย จะทำหน้าที่เป็นผู้อ่านญัตติและอภิปรายเปิด ส่วน นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย จะเป็นผู้สรุปการอภิปราย ส่วนรายละเอียดเป็นอย่างไรยังไม่สามารถเปิดเผยได้ ขอให้ประชาชนรอฟังจะได้เห็นข้อบกพร่องของรัฐบาลอย่างชัดเจนแน่นอน

“ขอให้รัฐบาลอย่าตีรวนและเตรียมคำตอบมาให้พร้อม ทีมองครักษ์ทั้งหลายของรัฐบาลอย่าประท้วงจนเสียบรรยากาศการอภิปราย ขอทำใจให้สงบ ฟังเหตุฟังผลของฝ่ายค้าน และรอให้ผู้ถูกอภิปรายชี้แจงจะดีที่สุด ไม่ใช่ตะบี้ตะบันประท้วงจนไม่สนใจข้อบังคับการประชุม”

นอกจากนี้ นายสมคิด ยังกล่าวในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการพิจารณากฎหมายลูกว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และพรรคการเมือง ว่า รัฐสภาจะพิจารณากฎหมายลูกทั้ง 2 ฉบับ ในวาระ 2 และ 3 วันที่ 5-6 ก.ค.นี้ คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเย็นวันที่ 6 ก.ค. 2565 คิดว่าการพิจารณาไม่น่ามีปัญหาอะไร

เมื่อถามว่าบางฝ่ายอยากให้การคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หารด้วย 500 ทั้งที่ กมธ.เสียงข้างมาก มีมติให้หารด้วย 100 นั้น นายสมคิด ระบุว่า มติเสียงข้างมากเป็นไปตามหลักการของกฎหมายที่รัฐสภามอบให้ กมธ. ไปพิจารณา กฎหมายลูกทั้ง 4 ฉบับที่รัฐสภารับหลักการต่างคำนวณด้วยการหาร 100 กมธ.เสียงข้างมาก จะเสนอต่อรัฐสภาตามแนวทางนี้ ส่วนรัฐสภาจะเห็นอย่างไรอยู่ที่สมาชิก แต่ถ้าจะหารด้วย 500 ส่วนตัวมองว่าไม่น่าเป็นไปได้ เนื่องจากขัดหลักการที่รัฐสภารับร่างไปพิจารณา ไม่เคยมีกฎหมายใดที่จะผ่านด้วยการขัดหลักการตอนที่ผ่านวาระ 1 จึงคิดว่าเรื่องนี้ไม่น่าเป็นไปได้ เพราะสมาชิกรัฐสภาล้วนแต่เป็นผู้มีวุฒิภาวะ มีความรู้ด้านกฎหมายอยู่แล้ว คงไม่กล้าเอาชื่อเสียงตัวเองมาทำกฎหมายที่บิดเบี้ยวเหมือนที่หลายฝ่ายหวังไว้.