“สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์” รมว.พลังงาน ย้ำใช้ความสมัครใจ-ความร่วมมือฝ่าวิกฤตน้ำมัน ดักคอบริษัท ที่ ยั่งยืนจะรวยคนเดียวไม่ได้ ลั่น ใน ก.ค.นี้ต้องเห็นผล “โรงกลั่น” ต้องควักกำไรช่วยประชาชน
วันที่ 1 ก.พ.2565 เวลา 11.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาวน์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการหารือกับโรงกลั่น ขอความร่วมมือนำกำไรจากค่าการกลั่นมาช่วยเหลือในกองทุนน้ำมัน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ว่า เรื่องนี้ให้ทางบริษัทโรงกลั่นเขาคุยกันเอง โดยมีคณะกรรมการจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เข้าไปร่วมเจรจา และเชื่อว่ากลุ่มโรงกลั่นจะพิจารณาและกำหนดทิศทางไปในทิศทางที่ดี เห็นได้จากเวลานี้ยังมีการเจรจากันอยู่ ไม่เช่นนั้นคงเลิกประชุมไปแล้วเมื่อถามว่าจะได้คำตอบเมื่อใด นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า คงต้องรอ โดยคาดว่าภายในเดือนก.ค. นี้ จะต้องเห็นผลอะไรออกมาบ้าง ยอมรับว่าการใช้มาตรการบังคับในตลาดเสรี เป็นเรื่องที่ยากมาก แต่การใช้ความร่วมมือเป็นเรื่องที่ดีที่สุด แม้แต่ในอเมริกา ประธานาธิบดียังใช้การขอความร่วมมือไปถึงผู้
ผู้สื่อข่าวถามว่าเหตุใดทางโรงกลั่นยังไม่ได้ข้อยุติในเรื่องนี้ นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า มีเรื่องของข้อกฎหมายที่เราจะรวบรวมเพื่อถามคณะกรรมการกฤษฎีกา โดยต้องดูความสมัครใจของโรงกลั่นด้วย ขณะที่บางกลุ่มมีข้อเสนอว่าควรจะใช้กฎหมายบังคับ เนื่องจากมีเรื่องของการถือหุ้นในบริษัทมหาชน
“บริษัทเหล่านี้ทำธุรกิจไม่ได้ทำเพื่อกำไรสูงสุดอย่างเดียว ต้องคำนึงถึงสังคมและชุมชนด้วย เพราะปัจจัยเหล่านี้นำไปใช้อธิบายกับผู้ถือหุ้นได้ เรื่องใดที่อยู่ในระดับที่เหมาะ ควรทำได้อยู่แล้ว เพราะเป็นนโยบายของแต่ละบริษัทที่ประกาศตนเป็นบริษัทที่ยังยั่งยืนและมีธรรมาภิบาล ซึ่งเป็นธรรมดาของบริษัทที่ดี การจะยั่งยืนอยู่ได้ ไม่ใช่ตัวเองจะร่ำรวยอยู่คนเดียว ต้องดูผู้บริโภคและคนรอบข้างด้วย จะได้ไปด้วยกันได้” นายสุพัฒนพงษ์ กล่าว
เมื่อถามว่ามาตรการของรัฐบาลจะเป็นการขอบริจาค แทนการออกกฎหมายกับโรงกลั่นใช่หรือไม่ นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า “ไม่เคยขอใคร เขาจะบริจาคก็บริจาค เราไม่ได้เที่ยวไปขอใคร อยากให้เข้าใจ เดี๋ยวจะหาว่าไปบังคับ แต่ให้เขาพิจารณาเองว่าจะช่วยในรูปแบบไหน” และเมื่อถามอีกว่า ทั้ง 6 โรงกลั่น ต้องส่งเงินให้รัฐทั้งหมดหรือไม่ นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า ไม่จำเป็น ต้องพิจารณากันดู บางส่วนทำได้ก่อนก็ทำ บางส่วนจะขอรอคณะกรรมการก็ว่ากันไป