เลือดไหลอีก “สุนทร รักษ์รงค์” ประกาศลาออกปชป. ลั่น เคมี ไม่ตรงกัน

166

“สุนทร รักษ์รงค์” เลขาธิการสภาเครือข่ายเกษตรกรชาวสวนยางฯ ประกาศลาออกจากสมาชิก ปชป.แล้ว ลั่น เคมีไม่ตรงกัน ขณะ “นิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ” เผยเป็นคนชักชวนเป็นสมาชิกปชป. พร้อมอวยพรให้โชคดี ทางการเมือง

วันที่ 26 มิถุนายน 2565 นายสุนทร รักษ์รงค์ เลขาธิการสภาเครือข่ายเกษตรกรชาวสวนยางแห่งประเทศไทย (สคยท.) และสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) โพสต์หนังสือลาออก พร้อมข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “นายสุนทร รักษ์รงค์” ว่า “#เรียนพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะพี่น้องชาวสวนยางทั่วประเทศและคอท่อมที่รัก ผมนายสุนทร รักษ์รงค์ ได้ลาออกจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ตั้งแต่วันที่ 24 มิถุนายน 2565 เป็นต้นไป ด้วยเหตุผล เพราะเคมีไม่ตรงกัน #สุนทรลูกชาวบ้าน ทำงานการเมืองเพื่อชาวบ้าน ไม่ใช่การเมืองเพื่อการแสวงหา 26 มิถุนายน 2565”ขณะที่นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย และอดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ว่า “สุนทร รักษ์รงค์ ผมเป็นคนชักนำเข้าสู่พรรคประชาธิปัตย์และผมขอหัวหน้าพรรคอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้สุนทร ลงระบบบัญชีรายชื่อ เพราะสุนทร เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องยางพารา ในการเลือกตั้งคราวที่แล้วผมกับสุนทร ทำนโยบายประกันรายได้ยางพาราให้พรรคประชาธิปัตย์มาด้วยกัน รวมทั้งนโยบายให้ชาวสวนยางในเขตป่า ที่เรียกว่าผู้ถือ “บัตรสีชมพู” ได้รับประโยชน์จากการประกันรายได้ ผมกับสุนทรก็ทำมาด้วยกัน แม้สุนทร ไม่ได้รับเลือกตั้งในระบบบัญชีรายชื่อ แต่สุนทรก็ได้เป็นกรรมการการยางแห่งประเทศไทย(กยท.) สุนทรเรียกผมว่า “อาจารย์” ทุกคำ ผ่านไป-ผ่านมา แถวปักษ์ใต้ สุนทรก็แวะมาคุยกับผมจนดึกดื่น เป็นอย่างนี้ประจำใน 2-3 ปีที่ผ่านมา”

“ผมออกจากพรรคประชาธิปัตย์ก่อนสุนทร รักษ์รงค์ ผมทราบว่า เมื่อ 24 มิถุนายน 2565 สุนทร รักษ์รงค์ ได้ลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์แล้ว ผมผู้ซึ่งสุนทรเรียกว่า “อาจารย์” ก็ได้แต่อวยพร ให้สุนทร รักษ์รงค์ โชคดีในทางการเมือง”

สำหรับนายสุนทร รักษ์รงค์ ถือเป็น “เลือดใหม่” ของพรรคประชาธิปัตย์ ก่อนหน้านี้ได้ประกาศตัวและขึ้นป้ายโฆษณาแนะนำตัวทั่วพื้นที่ อ.ชะอวด , อ.จุฬาภรณ์ , อ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช ว่า เป็นผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ก่อนที่นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช และรองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) จะออกมระบุว่าเป็นการทำให้ชาวบ้านสับสน ถือเป็นการไม่เคารพต่อสมาชิกรายอื่นๆที่ยังไม่ได้รับการพิจารณาจากพรรคให้เป็นผู้สมัคร ส.ส.อย่างเป็นทางการ รวมถึงต้องรอคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศเขตการเลือกตั้งให้ชัดเจนอีกด้วย