“ก้าวไกล” จี้ “บิ๊กตู่” ปรับ ครม. หลัง ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด “กนกวรรณ-นิพนธ์”

รองโฆษก พรรคก้าวไกล เรีกยร้อง นายกรัฐมนตรี ปรับ ครม. หลัง ป.ป.ช. ชี้ มูลความผิด “นิพนธ์-กนกวรรณ” พ้นตำแหน่ง รัฐมนตรี เตือนอย่าให้สังคมถามหาถึงคำว่า”ธรรมาภิบาล”

วันที่ 12 มิ.ย.2565 ที่พรรคก้าวไกล นายกรุณพล เทียนสุวรรณ รองโฆษกพรรคก้าวไกล แถลงกรณี 2 รัฐมนตรีจากพรรคร่วมรัฐบาลถูก สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิด นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ และ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย (ภท.) กรณีออกโฉนดที่ดินในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ และ นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กรณีการไม่อนุมัติเบิกจ่ายเงินค่าซ่อมรถบำรุงทางอเนกประสงค์ให้แก่บริษัทเอกชน ในสมัยดำรงตำแหน่งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา ว่าแม้ทั้งสองกรณี ยังไม่มีคำตัดสินของศาลที่เป็นคำสั่งถึงที่สุด แต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็ควรจะตระหนักและคิดได้ เพราะในช่วงการปฏิวัติและยึดอำนาจได้พูดเสมอว่า เราเข้ามาเพื่อเปลี่ยนแปลงและปราบการทุจริตคอร์รัปชั่น จึงคงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องให้ใคร หรือ บุคคลใดต้องมาคอยย้ำเตือน ว่า สิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์เคยพูดไว้เป็นเพียงลมปาก และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือรัฐมนตรีทั้งสองคนเป็นผู้มีอำนาจ แล้วอยู่ในตำแหน่งของกระทรวงที่มีความสำคัญ เช่น นางกนกวรรณ ที่เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษา จะทำให้คุณครูซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาและมีหน้าที่ในการสั่งสอนเยาวชนของชาติในเรื่องการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ คงมีความลำบากใจ เพราะผู้ที่เป็นผู้บังคับบัญชาเองยังไม่ตระหนักถึงการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและเป็นผู้ที่ละเมิดด้วยตัวเองส่วนกรณีของนายนิพนธ์ บริหารงานผิดพลาดและทำให้สูญเสียเงินภาษีของประชาชนโดยใช่เหตุ และการที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ได้มีคำสั่งปลดนายนิพนธ์ออกจากตำแหน่งนายก อบจ.สงขลา แสดงว่าแม้ในคณะรัฐมนตรีเอง เห็นถึงความผิดที่ชัดเจน จึงสมควรอย่างยิ่งที่จะต้องปรับ นายนิพนธ์ออกจากตำแหน่งและดำเนินคดีอาญาโดยเร็ว การยอมให้รัฐมนตรีที่มีข้อบกพร่องทำราชการเสียหายมาอยู่ในตำแหน่งสำคัญ ที่สามารถให้คุณให้โทษแก่ราชการและหน่วยงานต่างๆ ได้ ย่อมไม่เป็นผลดีต่อประชาชนอย่างแน่นอน

ต่อข้อถามว่าหากไม่มีการปรับ ครม.จะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีตรีทั้ง 2 คนที่ถูก ป.ป.ช.ชี้มูล หรือไม่ นายกรุณพลกล่าวว่า แน่นอน เพราะผิดธรรมาภิบาลและจริยธรรมของนักการเมืองอยู่แล้ว เพราะรัฐมนตรีทั้ง 2 คน ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลแล้ว อย่างกรณีของนางปารีณา ไกรคุปต์ อดีต ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ เองก็ยังไม่ถูกศาลตัดสิน แต่ก็ถูกตัดสิทธิทางการเมืองไปเรียบร้อยแล้ว ถึงเวลาที่รัฐบาลนี้ควรจะสร้างธรรมาภิบาลที่ถูกต้องให้กับสังคมได้แล้ว

“อยากเรียกร้องไปยังพรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาธิปัตย์ ในเมื่อทั้งสองพรรคเป็นสถาบันทางการเมือง โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นสถาบันการเมืองที่เก่าแก่ที่สุดและเคยพูดเสมอว่าการเป็นสถาบันการเมืองจำเป็นจะต้องมีความรับผิดชอบมากกว่าประชาชนธรรมดาต้องมีจริยธรรมที่มากกว่า ฉะนั้นกรณีนี้จะเป็นการวัดจริยธรรมของพรรคประชาธิปัตย์ว่า สิ่งที่พูดกับสิ่งที่ทำเป็นเรื่องเดียวกันหรือไม่ ส่วนพรรคภูมิใจไทยคดีนี้เป็นเรื่องที่พิสูจน์ได้ชัดเจน และขอเรียกร้องด้วย สำหรับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะเหลือเวลาอีกแค่ 1 วัน ที่คดีจะหมดอายุความ นายกฯอบจ.ที่ยังดำรงอยู่คงตามตัวได้ไม่ยาก ขนาดน้องๆ นักเคลื่อนไหว ที่คดีความเบาบางตำรวจยังสามารถตามไปอุ้มถึงบ้าน ถึงโรงแรม แต่ในเคสนี้เป็นการเอาทรัพยากรของประเทศไปเป็นของตัวเอง และคดีความกำลังจะหมดอายุความ อย่าให้ประชาชน ตั้งคำถามต่อกระบวนการยุติธรรมในประเทศนี้มากกว่านี้ ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ เป็นอัยการ คดีความอายุความ 20 ปี ปล่อยไปจนเหลืออีกแค่เพียง 1 วัน จะหมดอายุความแล้วค่อยมาแถลงข่าว คำถามนี้ควรต้องถูกตรวจสอบจากฝั่งรัฐบาลและหน่วยงานที่อำนวยความยุติธรรมของประเทศนี้” นายกรุณพลกล่าว