“อนุทิน” ลุ้น 3-5 วัน ดูผลกระทบโควิด-19 หลัง ปลัดสาธารณสุข ลงพื้นที่สำรวจสถานบันเทิงที่เปิดให้บริการ กำชับทุกแห่งต้องมีมาตรการป้องกันคุมเข้ม พร้อมเผยยอดผู้ป่วยหนักและเสียชีวิตลดลง เตรียมเป็นโรคประจำถิ่น
วันที่ 2 มิ.ย. 2565 ที่รัฐสภา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงกรณี นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดสาธารณสุข ลงพื้นที่ตรวจสถานบันเทิง หลังศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. ผ่อนคลายให้เปิดบริการ ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมา ว่า ปลัดสาธารณสุข ยอมรับเป็นห่วง เนื่องจากแต่ละสถานที่มีความเสี่ยง แต่ทุกร้านมีมาตรการป้องกันเต็มที่ โดย กทม.มีสถานบันเทิง กว่า 300 แห่ง ที่มาขออนุญาตเปิดกิจการ ซึ่ง ได้แจ้งเรื่องการดำเนินการป้องกันแล้ว สิ่งสำคัญคือขอให้ฉีดวัคซีนเยอะๆ 3-4 เข็มยิ่งดี ก่อนที่จะไปเที่ยว เพราะต่อให้ติดเชื้อ ก็ช่วยลดความเสี่ยงที่จะมีอาการหนัก
“ถ้าไม่ได้ฉีดวัคซีน เข้าไปเที่ยวไม่ได้ หากเจ้าหน้าที่จับได้ถือว่าผิดกฎหมาย ดังนั้นแต่ละร้านต้องคัดกรองและต้องประเมินให้ดี ใช้ความระมัดระวัง การจะไปหยุดหรือล็อกคงไม่ใช่เรื่องที่ต้องทำ หากทำความเข้าใจได้และคนไปเที่ยวฉีดวัคซีน ติดเชื้อ ก็รักษาหาย ถ้าเข้าใจก็เดินหน้าต่อไป” นายอนุทิน กล่าว
ต่อข้อถามว่า หากพบผู้ติดเชื้อจำนวนมาก จะปรับมาตรการให้เข้มข้นขึ้นหรือไม่ นายอนุทิน ตอบว่า เมื่อได้รับวัคซีนครอบคลุมแล้ว ความรุนแรงของโรคย่อมลดลง ปัจจุบันยารักษามีเพียงพอ จากรายงานที่เข้ามา ผู้ป่วย กินยาฟาวิพิราเวียร์ หรือ ฟ้าทะลายโจร ได้ บางคนติดเชื้อ3-4 วันก็หาย ไม่ต่างจากโรคอื่นที่เคยเป็น จะกลายเป็นโรคประจำถิ่นที่เราคุ้นเคย และขณะนี้ที่เห็นชัดคือคนที่ฉีดวัคซีนพบติดเชื้อและเสียชีวิตน้อยลง ถ้าพบผู้ป่วยหนัก เตียงโรงพยาบาล ก็ยังมีอยู่ หมอพร้อม ยาพร้อม
“วงรอบการติดเชื้อประมาณ3-5 วัน มีการติดเชื้อเพิ่มมาเป็นหมื่นคน แสดงว่าเป็นไปตามที่ประเมินว่าจะมีผู้ติดเชื้อเพิ่ม แต่ต้องดูคนที่ป่วยหนัก ถ้าจำนวนไม่เพิ่ม และคนที่เสียชีวิตอยู่ในข่าย 608 เท่ากับว่า ยังอยู่ในจุดที่รับมือได้ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เดินหน้าต่อไปได้ มาถึงขนาดนี้ให้ฉีดวัคซีนให้เยอะ เวลานี้ฉีดไปได้ถึง 140 ล้านโดส แล้ว ใครฉีดวัคซีนเข็ม 3 แล้ว อีก 3 เดือนให้มาฉีดเข็ม 4 ได้ส่วนผม จะฉีดเข็มที่ 6 ในสัปดาห์หน้า เพราะเดินทางลงพื้นที่บ่อย มีความเสี่ยง และอธิบดีกรมควบคุมโรคแจ้งมา สามารถฉีดได้” รมว.สาธารณสุข กล่าวในที่สุด