น็อต กราบรถ ผวาหนักสังคมเดือดพฤติกรรมฉาว ส่งข้อความประณามไม่หยุด แถมขว้างปาบ้าน

เมื่อวันที่ 7 พ.ย.  หลังจาก พนักงานสอบสวน สน.ยานนาวา ทำการแยกคู่กรณีคือ นายอัครณัฐ หรือน็อต อริยฤทธิ์วิกุล นักแสดงพิธีกรและดีเจชื่อดัง กับนายกิตติศักดิ์ หรือบอย สิงโต อายุ 25 ปี เจ้าหน้าที่กรมสรรพากร ตลิ่งชัน เพื่อไปสอบปากคำคนละห้อง

ต่อมา ภายหลังสอบปากคำนานกว่า 3 ชม.เสร็จสิ้น นายอดุล ทินะพงศ์ ทนายความของน็อต เปิดเผยว่า ลูกความตนได้แจ้งความกลับคู่กรณีในคดีจราจร ข้อหาขับรถโดยประมาททำให้เสียทรัพย์กับชนแล้วหนี เพราะเป็นผู้เสียหาย เนื่องจากถูก จยย.ชนท้าย ทั้งนี้จากการที่คู่กรณีระบุว่า ขณะเกิดเหตุมีรถแท็กซี่มาชนท้ายแล้ว จยย.เสียหลักมาพุ่งชนรถของลูกความตนแต่ไม่ได้มีเจตนาหลบหนีนั้น อยากให้สังเกตว่า เหตุใด จยย.ถึงต้องรีบขี่ออกไปจากที่เกิดเหตุ  ซึ่งเชื่อว่ามีกล้องวงจรปิดติดอยู่มากต้องให้ตำรวจตรวจสอบไขข้อเท็จจริง

“ส่วนกรณีมีเรื่องชกต่อยทำร้ายร่างกายตามที่ปรากฏในคลิปวีดีโอนั้น ในส่วนนี้ก็เป็นสิทธิที่คู่กรณีจะแจ้งข้อหาแก่ลูกความผมได้ แต่ทั้งนี้ยืนยันว่าในขณะเกิดเหตุที่ดาราหนุ่มต้องชกต่อยเนื่องจากต้องป้องกันตัว เพราะหว่างพูดคุยกันนั้นตัวคู่กรณีเองมีท่าทางฮึดฮัด และอยากขอความเป็นธรรมให้ลูกความผมด้วย”

ด้าน น็อต-นายอัครณัฐ กล่าวว่า คดีจราจรที่ตนเป็นผู้เสียหายนั้นได้ให้การไปหมดแล้ว ส่วนที่ถูกแจ้งในข้อหาทำร้ายร่างกาย ขอไม่ให้สัมภาษณ์ เนื่องจากพูดไปก็จะเหมือนแก้ตัว ซึ่งในวันที่ 7 พ.ย.เวลา 14.00 น. จะแถลงข่าวอีกครั้งที่ตึกจีเอ็มเอ็มแกรมมี่ ชั้น 30  อย่างไรก็ดีระหว่างสอบปากคำ ได้มีบุคคลปริศนาส่งข้อความมายังเบอร์โทรศัพท์ของตนในลักษณะด่าทอด้วยคำหยาบคาย รวมทั้งบ้านที่เจริญกรุงก็โดนขว้างปาสิ่งของใส่ ทำให้ครอบครัวได้รับผลกระทบมาก กำลังปรึกษาทนายความว่าจะแจ้งความหรือไม่ในพื้นที่ สน.วัดพระยาไกร

ขณะที่ น.ส.สุธิรา หงษ์ทอง อายุ 53 ปี มารดานายบอย เปิดเผยว่า ที่ดาราหนุ่มแจ้งความลูกชายตนฐานขับรถโดยประมาททำให้เสียทรัพย์นั้น เบื้องต้นได้ให้การปฏิเสธไป เพราะขณะเกิดเหตุมีแท็กซี่มาชนท้ายก่อน แล้วหน้ารถไปเฉี่ยวชนรถคู่กรณี ซึ่งฝ่ายตนก็แจ้งอัครณัฐ หรือน็อต อริยฤทธิ์วิกุล นักแสดงพิธีกรและดีเจชื่อดัง  ที่ให้กราบรถของคู่กรณีเช่นกัน

เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้แยกสำนวนออกเป็นสองคดีคือคดีจราจรและคดีทำร้ายร่างกาย ซึ่งทั้งคู่ตกเป็นผู้กล่าวหาและผู้ถูกกล่าวหาในคราวเดียวกัน หลังจากนี้จะตรวจสอบกล้องวงจรปิดโดยรอบ รวมทั้งนำรถทั้งคู่ไปตรวจความเสียหายที่กองบังคับการจารจร (บก.02) เพื่อนำมาประกอบสำนวนในการดำเนินการตามกฏหมายต่อไป.