“สุรเชษฐ์” ชิ่ง ปชป. โผซบ “ธรรมนัส” ชน “สายัณห์” พปชร. จับตา”หมอผึ้ง”ภท.

นายสุรเชษฐ์ มาศดิตถ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ตัดสินใจเดินเข้าสู่อ้อมกอดของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า แห่งพรรคเศรษฐกิจไทย หลังยื่นหนังสือลาออกจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2565 ซึ่งน่าจะเป็นการตัดสินใจที่ยุ่งยากใจไม่น้อย กับการเดินออกจากบ้านที่ตระกูล “มาสดิตถ์” ร่วมสร้างมาตั้งแต่ต้น ตั้งแต่ยุคคุณพ่อ “สุรินทร์ มาสดิตถ์” มาสานต่อด้วย “คุณหญิงสุพัตรา มาสดิตถ์ -สุรเชษฐ์ มาสดิตถ์”

“ผมได้ทำหนังสือยืนยันสิทธิต่อผู้บริหารพรรคไปแล้วเมื่อวันที่ 1 พ.ย.64 พร้อมแจ้งความจำนงว่าจะลงสมัคร ส.ส.ในนามพรรคประชาธิปัตย์เช่นเดิม เขตพื้นที่เดิม โดยได้เตรียมคณะทำงานและทีมงาน ตลอดจนลงพื้นที่อย่างสม่ำเสมอ และยังมีประชาชนในเขตเลือกตั้งให้การต้อนรับอย่างดี”

นายสุรเชษฐ์ กล่าวว่า เมื่อเหตุพรรคเห็นดีเห็นชอบส่งว่าที่ผู้สมัครเลือดใหม่ลงสมัคร 3 เขตเลือกตั้ง ทำให้บางเขตมีทั้งอดีตผู้สมัครคนเก่าและคนใหม่ในเขตเดียวกันทำให้ประชาชนสับสนว่าใครคือผู้สมัครกันแน่

“ตามปกติการจะเปิดตัวผู้สมัครในเขตเลือกตั้งที่มีความพร้อม จะต้องมีการจัดทำโพลสอบถามสมาชิกในพื้นที่เขตเลือกตั้งนั้นก่อน อีกทั้งยังต้องผ่านคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครในนามพรรคเป็นผู้คัดเลือก แต่ผู้บริหารกลับมีการประกาศรายชื่อโดยไม่ได้ถามความเห็นของผมสักคำ” นายสุรเชษฐ์กล่าวนายสุรเชษฐ์ ในวัย 70 กว่า กล่าวว่า เลือดใหม่ ทั้ง 3 คน ประกอบด้วย นายราชิต สุดพุ่ม อดีต ผวจ.ปัตตานี ลงเขตเลือกตั้งที่ 1 นายพิทักษ์เดช เดชเดโช (น้องชายนายชัยชนะ เดชเดโช รองเลขาธิการพรรค) ลงเขตเลือกตั้งที่ 2 ซึ่งเป็นพื้นที่เขตเดิมของ น.ส.นริศา อดิเทพวรพันธ์ และเขตของตนเอง พื้นที่ อ.ท่าศาลา พรหมคีรี ส่งนางอวยพรศรี เชาวลิต ประธานสภา อบจ.นครศรีธรรมราช ภรรยาของนายกฯท่าศาลา ลงสมัคร

“แม้เขาจะแถลงว่าเป็นการคัดตัวเบื้องต้น แต่เมื่อประกาศตัวมาแล้วก็มีผลกระทบในการทำหน้าที่ในพื้นที่หาเสียง ผมจะเดินเข้าหาประชาชนในพื้นที่เหมือนเดิมได้อย่างไร เพราะพรรคได้สร้างความชอบธรรมให้กับคนใหม่ที่ประกาศชื่อไปแล้ว จึงอยากถามว่าพรรคได้หาทางลงกับอดีต ส.ส.หลายสมัยอย่างผมอย่างไร แม้จะบอกกล่าวสักคำก็ไม่มี ผมไม่ขอวิงวอนใคร แต่ขอยึดความถูกต้อง เพราะเล่นการเมืองมาไม่เคยซื้อเสียง ไม่เคยอ้อนวอนใครตั้งแต่รุ่นพ่อ การกระทำอย่างนี้ก็เหมือนบีบให้ต้องทำอย่างหนึ่งอย่างใด”

วันนี้ สุรเชษฐ์ ไม่ใช่แค่เดินออกจากประชาธิปัตย์ แต่เขาได้ตัดสินใจเดินเข้าบ้านเศรษฐกิจไทยแล้ว และแน่นอนว่าสำหรับเขตท่าศาลา พรหมคีรี มี “สายัณห์ ยุติธรรม” จากพรรคพลังประชารัฐ ยืนเด่นอยู่แล้ว แม้ยังไม่ชัดว่าจะยังอยู่พรรคเดิมหรือไม่ แต่สายัณห์เลือกยืนอยู่ฝ่ายสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แน่นอน และเขตนี้ประชาธิปัตย์หวังจะทวงเก้าอี้คืนด้วยการส่ง “สจ.ศรี-อวยพรศรี เชาวลิต” ภรรยาของนายกฯเอ ผู้มากบารมีแห่งท่าศาลา ลงทวงเก้าอี้คืน ส่วนสุรเชษฐ์ในฐานะอดีตแชมป์หลายสมัย แต่คราวที่แล้วแพ้กระแสลุงตู่ เสียท่าให้กับสายัณห์ ก็หวังกลับมาผงาดอีกครั้งในนามพรรคเศรษฐกิจไทยสุรเชษฐ์ เคยบอกว่า ก่อนตัดสินใจลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ ได้โทรศัพท์หา “ชำนิ ศักดิเศรษฐ์” ในฐานะประธานคณะกรรมการสรรหาผู้สมัคร แต่ชำนิไม่รับสาย แต่หลังจากนั้นชำนิไปนั่งร่วมแถลงข่าวเปิดตัวผู้สมัครเลือดใหม่ รวมถึงเขตของสุรเชษฐ์ด้วย อันแสดงให้เห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่เอาคนเก่าเจ้าของพื้นที่เดิมแล้ว

เขตนี้ยังมี “หมอผึ้ง” ลงแข่งขันด้วยในนามพรรคภูมิใจไทย ทราบว่า ขยันขันแข็งลงพื้นที่โดยมี ดร.นาที รัชกิจประการ แกนนำพรรคภูมิใจไทยออกแรงสนับสนุนเต็มที่ และเป็นทีมที่เปิดศึกกับนายกฯเอมาแล้วเมื่อเดือนมีนาคม จนสะเทือนไปทั้งท่าศาลา

ท่าศาลา พรหมคีรี เป็นอีกเขตเลือกตั้งที่น่าสนใจสำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้า “สายัณห์” จะยังรักษาแชมป์ไว้ได้หรือไม่ หรือสุรเชษฐ์จะกลับมาทวงแชมป์คืนได้หรือเปล่า หรือประชาธิปัตย์จะหวนคืนมาแจ้งเกิดใหม่ ในนามคนใหม่ได้หรือไม่

งานนี้เหนื่อยหน่อยนะ “สายัณห์”

Cr.นายหัวไทร