กอ.รมน.ภาค 4 สน. แถลงข่าวกรณีคนร้ายลอบวางระเบิดในพื้นที่จังหวัดปัตตานี ชาวบ้าน ตายคาที่ ขณะ จนท.เจ็บ3 เผยคนร้ายหวังใช้ชีวิตประชาชนเป็นเหยื่อล่อสังหารเจ้าหน้าที่ ทำลายบรรยากาศเดือนรอมฎอนสันติสุข
วันที่ 15 เม.ย. 65 เวลา 14.35 น. พันเอกเกียรติศักดิ์ ณีวงษ์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า แถลงข่าวชี้แจงกรณีเกิดเหตุระเบิดขึ้น เมื่อเวลา 03.10 ที่บริเวณข้างบ่อน้ำ บ้านละหาร หมู่ที่ 8 ต.แป้น อ.สายบุรี จ.ปัตตานี เป็นเหตุให้นายนาวี ประมนต์ อายุ 33 ปี เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ขณะที่ นายนาวี พร้อมกับเพื่อนอีก 1 คน ไปหาปลาบริเวณอ่างเก็บน้ำในหมู่บ้านโดยระเบิดดังกล่าว คาดว่าผู้ก่อเหตุรุนแรงได้เตรียมไว้สำหรับลอบทำร้ายประชาชนที่ออกมาหาปลาเพื่อลวงให้เจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบและวางระเบิดซ้ำ จนกระทั่งเวลา 09.00 น. เจ้าหน้าที่ทำลายล้างวัตถุระเบิด (EOD) ได้เข้าตรวจสอบ และได้เกิดเหตุระเบิดซ้ำขึ้นมาอีก 1 ครั้ง ทำให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ก่อนนำส่งตัวไปรักษาอาการ ที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ และโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสายบุรีโฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยว่า สำหรับเหตุการณ์ครั้งนี้ นับเป็นเหตุความรุนแรงครั้งแรก หลังจากมีการพูดคุยสันติสุขครั้งล่าสุด ซึ่งมีการออกแถลงการณ์ แสดงเจตนารมณ์ยุติความรุนแรง ในเดือนรอมฎอนสันติสุข โดยเหตุที่ผ่านมาตรวจสอบแล้วไม่เกี่ยวกับคดีความมั่นคง ส่วนในครั้งนี้ มีลักษณะที่ค่อนข้างชัดเจนว่า เกิดจากการก่อความไม่สงบ เนื่องจากรูปแบบการก่อเหตุมีการใช้ระเบิดแสวงเครื่อง และมีการวางระเบิดซ้ำเป็นลูกที่สอง และจากหลักฐานใบปลิวที่เก็บได้ในที่เกิดเหตุมีลักษณะคล้ายๆกับสัญลักษณ์ของกลุ่มขบวนการที่พยายามเข้ามามีบทบาทในสถานการณ์ความขัดแย้งในจังหวัดชายแดนใต้ (จชต.) แต่ไม่ได้เข้าร่วมกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติสุข อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่และคณะทำงานร่วมของทั้ง 2 ฝ่ายจะเร่งตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกอย่างรอบด้านเพื่อยืนยันว่าเกิดจากสาเหตุอะไรและใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการก่อเหตุดังกล่าว โดยกอ.รมน.ภาค 4 สน. ยังคงยืนยันในเจตนารมณ์ ให้เป็นไปตามข้อตกลงของกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติสุขในการเดินหน้าขับเคลื่อนตามแนวทางรอมฎอนสันติสุขต่อไปทางด้านพลโท เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 แสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต รวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่ได้รับบาดเจ็บ พร้อมกำชับให้ทุกฝ่ายเร่งรัดดำเนินการด้านสิทธิต่างๆ เป็นการด่วน พร้อมประสานทุกภาคส่วนร่วมกันตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าเป็นการกระทำของฝ่ายใด เพื่อชี้แจงให้สาธารณชนเข้าใจโดยเฉพาะในระดับคณะพุดคุย ที่จำเป็นต้องติดต่อพูดคุยอย่างเร่งด่วน เพื่อร่วมตรวจสอบ และแก้ไขปัญหาร่วมกันต่อไป