“โสภณ” เชิญ “บิ๊กป๊อก-ศักดิ์สยาม”เผชิญหน้า หาทางออก รถไฟฟ้าสายสีเขียว

กมธ.คมนาคม เตรียมจัดสัมมนา “สายสีเขียวจะไปยังไงต่อ” ดีเดย์ 19 ก.พ. นี้ เชิญ 2 รมต. “มหาดไทย-คมนาคม” ให้ข้อมูลตีแผ่ต่อสาธารณชน พร้อมด้วยฝ่ายการเมือง-ภาคประชาชน ให้สังคมตัดสิน “ใครผิด ใครถูก”

นายโสภณ ซารัมย์ ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การคมนาคม แถลงข่าวเรื่อง ความเห็นชอบร่างสัญญาร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ของกรุงเทพมหานคร (กทม.) ณ ห้อง CB405 ห้องประชุมคณะกรรมมาธิการการคมนาคม ตึกรัฐสภา เกียกกาย เมื่อวันที่ 10 ก.พ.ที่ผ่านมาว่า กมธ.คมนาคม ได้ศึกษา และ เชิญทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งฝ่ายที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วย ในการต่ออายุสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวมาชี้แจงจนได้ข้อสรุป ซึ่ง กมธ.คมนาคม ได้มีมติไปแล้วว่า ไม่เห็นด้วยที่จะมีการต่ออายุสัญญาสัมปทานทั้งนี้ จากประเด็นดังกล่าว พิจารณาว่า หากปล่อยให้สถานการณ์ยืดเยื้อต่อไป จะไม่เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ และประชาชน โดย กมธ.คมนาคม ในฐานะที่เป็นฝ่ายตรวจสอบ เสนอแนะ และให้ข้อมูลกับสังคม จึงเตรียมจัดสัมมนาในหัวข้อ “สายสีเขียวจะไปยังไงต่อ?” ในวันเสาร์ที่ 19 ก.พ. 2565โดยจะเชิญผู้ที่มีอำนาจในฝ่ายบริหาร ประกอบด้วย1.พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะเจ้าของโครงการฯ ที่เห็นด้วยในการเสนอร่างสัญญาร่วมทุนฯ นำไปสู่การต่ออายุสัญญาสัมปทานฯ 2 .นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะหน่วยงานที่ไม่เห็นด้วยต่อเรื่องดังกล่าว มาให้ข้อมูลกับสาธารณชน หรือ อาจมอบหมายให้ผู้ที่ไว้ไว้วางใจ และมีข้อมูลครบถ้วน มาให้ข้อมูลแทนได้ว่า จะเดินหน้าต่อไปอย่างไรนอกจากนี้ ในการสัมมนาดังกล่าว จะเชิญตัวแทนฝ่ายการเมือง หรือ ฝ่ายนิติบัญญัติ อาทิ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.), พรรคการเมือง, นักการเมืองที่เกี่ยวข้องในเรื่องดังกล่าว พร้อมทั้งภาคประชาชน ทั้งฝ่ายเห็นด้วย และไม่เห็นด้วย มาร่วมให้ข้อมูลในงานสัมมนาที่ กมธ.คมนาคม จะจัดขึ้นนี้ ทั้งนี้ เพื่อให้สังคมตัดสินว่า ใครผิด ใครถูก และจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร“กมธ.คมนาคม ได้ติดตาม ตรวจสอบ เสนอแนะโครงการดังกล่าวมาอย่างใกล้ชิด และเคยมีมติไปแล้วว่า ไม่เห็นด้วยกับการต่ออายุสัมปทานโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนจะเชิญใครมาซักถามเพิ่มเติม ผมคิดว่าไม่ใช่แล้ว ไม่อยากให้วนแบบเก่า ถ้าเชิญมาให้ข้อมูลก็วนแบบเดิม ซึ่งต้องเดินหน้าต่อ โดยสังคมจะเป็นผู้ตัดสินว่า ใครผิด ใครถูก แล้วจะเดินต่ออย่างไร ซึ่งการจัดสัมมนา ก็เพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเอาข้อมูลที่มีมาตีแผ่ ให้สังคมตัดสิน ถือเป็นการทำอย่างสร้างสรรค์ หาทางออกว่า จะไปอย่างไร เราพูดกันมาเป็นปีแล้ว ครั้งนี้ต้องมาพูดกันในเวทีสาธารณะ” นายโสภณ กล่าว