ส.ส. พปชร.ลงชื่อ100คน ยื่นกกต.สอบมติขับ “ก๊วนธรรมนัส”ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

116

ยังวุ่นไม่จบ! สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ 100 คน ยื่นร้องกกต.สอบมติขับ”ก๊วนธรรมนัส”ไม่ชอบด้วยกฎหมาย คาดกกต.ถก 14 ก.พ.นี้ ด้านอดีตส.ส. 18 คน เป็นสมาชิกพรรคเศรษฐกิจไทยตั้งแต่ 20 ม.ค. หลังกกต.มีหนังสือยืนยันสภาฯ

วันที่ 4 ก.พ. 2565 มีรายงานว่า นายแสวง บุญมี รองเลขาธิการ กกต. ในฐานะรักษาการเลขาธิการ กกต. ปฏิบัติหน้าที่นายทะเบียนพรรคการเมือง ได้มีหนังสือที่ 0015/1546 ลงวันที่ 4 ก.พ.65 แจ้งผลการตรวจสอบการสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคเศรษฐกิจไทยของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า และอดีต ส.ส.ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) มีมติขับรวม 18 คน กลับไปยังสำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ตามที่ก่อนหน้านี้ นางพรพิศ เพชรเจริญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร มีหนังสือสอบถามมาเมื่อวันที่ 31 ม.ค.65 โดยหนังสือของนายแสวงระบุว่า ได้ตรวจสอบการเป็นสมาชิกพรรคการเมือง จากระบบข้อมูลพรรคการเมืองของกกต. พบว่ามี ส.ส.สมัครเป็นสมาชิกพรรคเศรษฐกิจไทย จำนวน 18 คน เมื่อวันที่ 20 ม.ค.65

อย่างไรก็ตาม กรณีมติขับ 21 ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ ยังคงเป็นปัญหาโดย นอกจากนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จะยื่นหนังสือขอให้กกต.ตรวจสอบแล้ว ล่าสุดเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา นายสมัย รามัญอุดม ซึ่งอ้างเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ พร้อมพวกรวมกว่า 100 คน ได้ยื่นคำร้องต่อกกต.ตามมาตรา 42 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 โดยอ้างว่ามติขับ ร.อ.ธรรมนัส และส.ส.รวม 21 คน ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขณะนี้อยู่ระหว่างสำนักงานฯดำเนินการตรวจสอบเบื้องต้น ก่อนเสนอกกต.พิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไร คาดว่าจะเข้าที่ประชุมกกต.ในวันที่ 14 ก.พ.นี้ พร้อมกับหนังสือพรรคพลังประชารัฐที่รายงานมติขับ 21 ส.ส. หากกกต.เห็นว่าการดำเนินการมีมติขับดังกล่าวเป็นไปตามที่กฎหมายและข้อบังคับกำหนด ก็จะมีมติรับทราบตามกระบวนการ จะมีการแจ้งหนังสือไปยังสภาผู้แทนราษฎรภายใน 3 วัน ซึ่งจะทันเส้นตาย 30 วัน ที่จะครบกำหนดในวันที่ 18 ก.พ.นี้

ทั้งนี้ มาตรา 42 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 บัญญัติว่าในกรณีสมาชิกซึ่งเป็น ส.ส.คนหนึ่งคนใดหรือสมาชิกจำนวนไม่น้อยกว่า 100 คน เห็นว่ามติของพรรคการเมืองที่ตนเป็นสมาชิกอยู่ขัดต่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ หรือ กฎหมายอื่นให้สามารถ ร้องขอต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งเพื่อพิจารณาวินิจฉัยถ้าคณะกรรมการฯวินิจฉัย ว่ามติใดของพรรคการเมืองขัดต่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้หรือกฎหมายอื่นให้ คณะกรรมการฯมีอำนาจสั่งเพิกถอนมติดังกล่าวได้