“เดอะคึก” ชำแหละ รบ. ฟันธง “ธรรมนัส” ตัวแปรสำคัญ จุดเปลี่ยนการเมืองไทย

“เทพไท” ชำแหละ ปมขัดแย้งพรรคร่วมรัฐบาล รวมถึงกรณี”ธรรมนัส”ขน20 สส.ลาออกจาก พปชร. ฟันธง จะเป็นจุดเปลี่ยนทางการเมืองครั้งสำคัญ แนะ”บิ๊กตู่” ต้องแสดงภาวะผู้นำ เรียกทุกฝ่ายปรับความเข้าใจ

วันที่ 20 มกราคม 2565 นายเทพไท เสนพงศ์ หรือ “เดอะคึก”อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุเนื้อหาว่า การเลือกตั้งซ่อมทั้ง 3 เขตในภาคใต้ ก่อให้เกิดความขัดแย้งในพรรคร่วม และพรรคพลังประชารัฐ ขอให้จับตาการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ที่กระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากมีปรากฏการณ์ต่างๆ เกิดขึ้น ที่เกี่ยวข้องการเลือกตั้งซ่อมใน 3 เขตที่ผ่านมา คือ

1.พรรคพลังประชารัฐมีมติส่งเลือกตั้งซ่อม เขต3 นครศรีธรรมราช จุดเริ่มต้นการฉีกหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นการทำลายประเพณีของพรรคร่วมรัฐบาล ไม่สนใจเรื่องมารยาททางการเมือง 2.พรรคพลังประชารัฐ มีมติส่งผู้สมัครซ่อมเขต1 ชุมพร และเขต6 สงขลา เป็นการตอกย้ำ เรื่องมารยาทอีกครั้ง เพราะย่ามใจที่สามารถเอาชนะเลือกตั้งซ่อมส.ส.ในเขต3นครศรีธรรมราชมาได้ 3.ระหว่างการตั้งเวทีปราศรัย ทั้ง 2เขต ที่ชุมพรและสงขลา มีการพาดพิง แย่งชิงผลงาน โจมตีกันเรื่องของแพง เสนอให้ปลดรัฐมนตรีพาณิชย์ของพรรคประชาธิปัตย์

4.เป็นการเลือกตั้งซ่อม ที่แข่งขันกันเพื่อศักดิ์ศรีของพรรค แพ้ไม่ได้ สู้กันทุกรูปแบบ ชนิดตาต่อตา ฟันต่อฟัน มีแกนนำพรรคคนสำคัญ ขึ้นเวทีปราศรัยกันหลายครั้ง 5.เมื่อผลการเลือกตั้งออกมา มีการกล่าวหากันระหว่าง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ที่บอกว่า มีการโกงการเลือกตั้ง ซื้อเสียงกันอย่างไม่เคยมีมาก่อน จนถูกนายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาตอบโต้ว่า ขี้แพ้ชวนตี 6.มีการโพสต์เฟซบุ๊ก ของนางปารีณา ไกรคุป เหน็บแนมว่า ที่พรรคประชาธิปัตย์ชนะเลือกตั้งซ่อม เพราะสู้เก่งกว่า จนถูกนายราเมศ รัตนเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ประกาศฟ้องร้องดำเนนคดี

7.ผลจากการเลือกตั้งซ่อม ทำให้เกิดความขัดแย้งในพรรคพลังประชารัฐมากยิ่งขึ้น เห็นจากการแชทไลน์กลุ่มโฆษกวิปรัฐบาล ของ ดร.เสกสกล อัตถาวงศ์ กับนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ที่เสนอให้ทำโพลวัดความนิยมของ ร.อ.ธรรมนัส ว่ายังมีความเหมาะสมกับตำแหน่งเลขาธิการพรรคหรือไม่ 8.กลุ่ม ร.อ.ธรรมนัส ยอมแตกหัก ยินดีให้พรรคขับออกจากสมาชิกพรรค พร้อมส.ส.ในกลุ่ม 21 คน เพื่อไปสังกัดพรรคใหม่ จะได้มีอิสระในการเคลื่อนไหว ไม่ต้องพะอืดพะอมในการอยู่ร่วมพรรคกับพลเอกประยุทธ์ นับว่าเป็นการแตกหักครั้งสำคัญในพรรคพลังประชารัฐ และอาจจะมีกลุ่มอื่นๆออกตามมาอีก

แม้ว่าพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะออกมาขอร้องไม่ให้เกิดความแตกแยก และให้เดินหน้าร่วมกันทำงานต่อไปนั้น ก็น่าจะเป็นการเรียกความเชื่อมั่น ต้องการให้พรรคร่วมรัฐบาลจับมือกัน ทำงานภายใต้รัฐบาลเดียวกันต่อไป แต่ในความเป็นจริง ได้เกิดความแตกแยกกัน ทั้งระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน และกลุ่ม ก๊วนการเมืองภายในพรรคพลังประชารัฐ อย่างเห็นได้ชัด

ถ้าหากพลเอกประยุทธ์ต้องการแสดงภาวะผู้นำในฐานะหัวหน้ารัฐบาล ก็น่าจะเชิญหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล มาพูดคุย ทำความเข้าใจในกติกา หรือมารยาททางการเมือง ของการร่วมรัฐบาลด้วยกันมาตั้งแต่ต้น เมื่อปล่อยให้พรรคร่วมรัฐบาลส่งผู้สมัครเลือกตั้งซ่อมกันเองเช่นนี้ ความแตกแยกก็ย่อมจะเกิดขึ้นแน่นอน เมื่อเกิดความแตกแยกกันแล้ว ก็ยากที่จะสมานรอยร้าวได้ เหมือนกับคำโบราณที่กล่าวไว้ว่า “อันถ้วยโถโอร้าวเอากาวติด ถึงสนิทก็ยังเห็นว่าเป็นแผล” ขอให้รอดูผลกระทบที่จะเกิดตามมาจากการเลือกตั้งซ่อม ทั้งระหว่างในพรรคร่วมรัฐบาล และระหว่างมุ้งการเมืองในพรรคพลังประชารัฐ โดยเฉพาะพรรคสังกัดใหม่ของกลุ่ม ร.อ.ธรรมนัส จะเป็นเสี้ยนหนาม และสั่นคลอนเสถียรภาพของรัฐบาลได้มากที่สุด