มติ ครม.อนุมัติงบกลาง วงเงินรวม 1,480 ล้านบาท ตามที่ ก.พาณิชย์ เสนอ ดันโครงการ พาณิชย์…ลดราคาสินค้าอุปโภค-บริโภค ช่วยประชาชน ปี 2565 ระยะเวลา 90 วัน
วันที่ 18 ม.ค. 65 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบอนุมัติเงินงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงินรวมทั้งสิ้น 1,480 ล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการพาณิชย์…ลดราคา! ช่วยประชาชน ปี 2565 ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในสถานการณ์การระบาดของเชื้อโควิด-19 เพิ่มช่องทางในการเลือกซื้อสินค้าที่จำเป็นต่อการดำรงชีพในราคาประหยัดให้แก่ประชาชนได้อย่างทั่วถึง รวมทั้งเพื่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากและการบริโภค ซึ่งจะก่อให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น
สำหรับรูปแบบของโครงการฯ จะเป็นการจำหน่ายสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพให้แก่ประชาชนในราคาประหยัด ระยะเวลาดำเนินการ 90 วัน โดยมีรายละเอียด ดังนี้
1) กิจกรรมบริหารจัดการจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางจำหน่าย โดยจัดหาสถานที่จำหน่าย และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เพื่อจำหน่ายสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพ ผ่านช่องทาง อาทิ การจำหน่ายผ่านบริเวณร้านสะดวกซื้อ ห้างท้องถิ่น หรือตลาด พื้นที่สาธารณะ หรือลานอเนกประสงค์ และสถานีบริการน้ำมัน รวมจำนวนไม่น้อยกว่า 3,000 จุด ตามแหล่งชุมชนในพื้นที่กรุงเทพมหานครและภูมิภาค 76 จังหวัด และการจำหน่ายผ่านรถ Mobile จำนวนไม่น้อยกว่า 50 คัน ตามแหล่งชุมชนในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล
2) กิจกรรมการส่งเสริมการจำหน่ายสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพ เพื่อจัดหาและจำหน่ายสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพตามชนิด ปริมาณและราคาตามที่กรมฯ กำหนด เช่น สินค้าเกษตร เนื้อไก่ ไข่ไก่ สินค้าอุปโภคบริโภค เป็นต้น จากสมาคม/ผู้ค้าปลีก/ค้าส่ง/Supplier ในพื้นที่ เพื่อจำหน่ายในจุดจำหน่าย
3) กิจกรรมการประชาสัมพันธ์เพื่อดำเนินการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบในวงกว้างผ่านสื่อต่างๆ รวมทั้งจัดกิจกรรมรณรงค์กระตุ้นการบริโภค
“โครงการ พาณิชย์…ลดราคา! ช่วยประชาชน ปี 2565 จะช่วยลดภาระค่าครองชีพ และบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ในช่วงการระบาดของโควิด-19 และภาวะการปรับราคาสินค้าขึ้นอย่างต่อเนื่องจากโรคระบาดในสัตว์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน อีกทั้งจะเป็นเพิ่มช่องทางในการเลือกซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิตประจำวันในราคาประหยัด ซึ่งเป็นปัญหาที่ต้องเร่งแก้ในขณะนี้” นายธนกร กล่าว.