ม.อ.ปัตตานี หนุนแก้ปัญหาความยากจน ส่งนักวิชาการ ทำแปลงเกษตร ช่วยปชช.

วิทยาเขตปัตตานี เตรียมพื้นที่ 6 ไร่ สร้างแปลงเกษตรตัวอย่าง ตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อแก้ปัญหาความยากจน พร้อมเป็นแหล่งเรียนรู้ และ เป็นแหล่งผลิตอาหารให้คนเมืองปัตตานี

นายเอกนรินทร์ เรืองรักษ์ ผช.อธิการบดี ฝ่ายพัฒนานักศึกษา วิทยาเขตปัตตานี เปิดเผยว่าตามที่ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี (มอ.ปัตตานี) ได้ตั้งพันธกิจหลักร่วมแก้ไขปัญหาความยากจนในจังหวัดปัตตานี ภายใต้โครงการวิจัยพัฒนาเชิงพื้นที่เพื่อการลดความยากจนและการพัฒนาความเท่าเทียม ในประเทศไทย กรณีศึกษาจังหวัดปัตตานี สนับสนุนโดยหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา

โดยในระยะแรกคณาจารย์ นักวิจัย นักวิชาการได้ลงพื้นที่เพื่อสำรวจข้อมูล คนจนเชิงลึกด้านเศรษฐกิจและสังคม โดยเน้นกลุ่มผู้มีรายได้ต่ำกว่า 36,000 บาทต่อปี แบ่งพื้นที่ออกเป็น 3 โซน คือ โซนที่ 1 อำเภอเมือง อำเภอหนองจิก อำเภอโคกโพธิ์ และ อำเภอแม่ลาน โซนที่ 2 อำเภอยะรัง อำเภอมายอ อำเภอทุ่งยางแดง และอำเภอกระพ้อ และโซนที่ 3 ได้แก่ อำเภอยะหริ่ง อำเภอปะนาเระ อำเภอสายบุรี และอำเภอไม้แก่น หลังจากนั้นจึงมีการคัดเลือกพื้นที่ เพื่อออกแบบโครงการนำร่องการแก้ไขปัญหาความยากจนใน 3 พื้นที่ คือ 1) พื้นที่บ้านกาฮง ตำบลปะกาฮะรัง 2) พื้นที่บ้านกอแล ตำบลมายอ และ 3) พื้นที่บ้านกลาง ตำบลปะนาเระหลังจากได้ดำเนินโครงการนำร่องการแก้ไขปัญหาความยากจน ทำให้ได้เรียนรู้ว่าจะต้องใช้ทุน 5 ด้าน คือ ทุนมนุษย์ ทุนทรัพยากร ทุนทางกายภาพ ทุนการเงิน และ ทุนทางสังคมมาช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเป้าหมายได้อย่างไร รวมทั้งการวิเคราะห์ศักยภาพรายครัวเรือน ก็พบจุดอ่อน จุดแข็งของแต่ละครอบครัว เช่น ผู้ที่เป็นชาวประมง ก็จะขาดทักษะทางด้านการเกษตร และคนในพื้นที่ตัวอย่าง ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้บริโภคผัก เนื่องจากหลายพื้นที่มีสภาพเป็นดินทรายไม่สามารถปลูกพืชผักได้ ทำให้มีปัญหาสุขภาพ โดยเฉพาะโรคทางเดินอาหาร นอกจากนั้น ซื้อผักที่มาจากต่างพื้นที่จะมีราคาแพง อีกทั้งยังปนเปื้อนด้วยสารเคมีต่างๆที่อาจเป็นอันตรายแก่ผู้บริโภคได้

นาย เอกนรินทร์ เล่าถึงประสบการณ์หลังจากตนเองและคณะได้ลงพื้นที่หมู่ 3 บ้านกือยา และ หมู่ที่ 5 บ้านกาฮง ตำบลปะกาฮะรัง อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี เมื่อเดือนกันยายน 2563 ซึ่งพบว่าประชาชนส่วนใหญ่มีอาชีพรับจ้างทั่วไป พื้นที่ดินรอบบ้านมีสภาพเป็นดินทราย ที่ไม่สามารถเพาะปลูกได้
จึงได้แนะนำให้นำเปลือกมะพร้าวซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมากในหมู่บ้าน นำมาฝังลงในดินเพื่อช่วยให้ดินสามารถเก็บน้ำและธาตุอาหารพืชไว้ได้ เมื่อฝนตกหรือน้ำท่วมดินทรายที่มีขุยมะพร้าวก็จะเก็บกักน้ำและปุ๋ยไว้ นอกจากดินจะโปร่งแล้ว พื้นดินก็อุดมสมบูรณ์ขึ้นทำให้สามารถเพาะปลูกพืชผักสวนครัวได้ จากที่แรกเริ่มมีผู้สนใจเข้าร่วมโครงการเพียงครอบครัวเดียว

หลังจากชาวบ้านในชุมชนเห็นตัวอย่างว่าสามารถปลูกพืชผักสวนครัวได้ผลดี นอกจากจะมีผักบริโภคในครอบครัวแล้ว ยังสามารถนำมาจำหน่าย สร้างรายได้ในชุมชนได้ ก็ได้มีอีกกว่า 10 ครอบครัวที่ขอเข้าร่วมโครงการ และเกิดความร่วมแรงร่วมใจกันในการลงแขกร่วมกันทำงาน ปัจจุบันผู้ที่มีอาชีพรับจ้างทั่วไปดังกล่าวได้หันมาทำการเกษตร และมีเวลาที่จะอยู่กับครอบครัวมากขึ้น จากเดิมที่ต้องออกจากบ้านตั้งแต่ก่อนสว่าง และกลับบ้านมืดค่ำ ก็มีเวลาทำงานอยู่ที่บ้านทำให้ครอบครัวมีความใกล้ชิดผูกพันกัน ครอบครัวมีความสุขมากขึ้น มีพืชผักสวนครัวไว้รับประทาน

และทำให้มีรายได้มากขึ้นหลังจากที่ประสบความสำเร็จในเบื้องต้น คณะทำงานจึงได้ขอใช้พื้นที่ของวิทยาเขตปัตตานี 6 ไร่ บริเวณใกล้หอพักในกำกับ (หอพักสหกรณ์) มาทำโครงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียง ด้วยการปลูกพืชผักสมุนไพรที่ใช้ในชีวิตประจำวัน พืชที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจ และบ่อปลา ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง

ต่อมาเมื่อวันที่ 14 ธ.ค. 2564 ที่ผ่านมา นายเอกนรินทร์ เรืองรักษ์ ผช.อธิการบดี ฝ่ายพัฒนา เป็นตัวแทนของ มอ.ปัตตานี เข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการพิจารณากลั่นกรองพื้นที่เพื่อดำเนินการขับเคลื่อนเขตพัฒนาเศรษฐกิจพอเพียง (SEDZ) ด้วยโมเดลเศรษฐกิจใหม่ของจังหวัดปัตตานี และได้นำเสนอการปฏิบัติงานของ ม.อ.ปัตตานีในการใช้พื้นที่ 6 ไร่ดังกล่าวเพื่อพัฒนาต่อยอด เป็นแปลงสาธิต เป็นแหล่งเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง ช่วยสร้างงานสร้างอาชีพให้กับคนยากจนและตกงาน รวมถึงผลิตผักปลอดภัยส่งมอบให้แก่ชาวเมืองปัตตานีต่อไป