กองทัพอิสราเอล กำลังเตรียมพร้อมสำหรับความเป็นไปได้ที่จะโจมตีอิหร่าน โดยสื่อมวลชนของประเทศรายงานอ้างแหล่งข่าวด้านกลาโหมและทางการทูต และเทล อาวีฟ ได้แจ้งแผนการต่างๆ ของพวกเขาให้สหรัฐฯ ทราบแล้ว และไม่มีเสียงคัดค้านใดใด
สื่อมวลชนหลายสำนักของอิสราเอลรายงานตรงกันในวันเสาร์ (11 ธ.ค.)ที่ผ่านมา ว่า เบนนี แกนท์ซ รัฐมนตรีกลาโหม ได้แจ้ง ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ เกี่ยวกับการเตรียมการ สำหรับความเป็นไปได้ที่จะโจมตีทางทหารถล่มอิหร่าน ศัตรูตัวฉกาจของประเทศ ระหว่างการเดินทางเยือนสหรัฐฯ ซึ่งในโอกาสนี้เขาไปพบปะกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของอเมริกาหลายคนเมื่อวันพฤหัสบดี (9 ธ.ค.) รวมถึง ลอยด์ ออสติน รมว.กลาโหม และ แอนโทนี บลินเคน รัฐมนตรีต่างประเทศ
“ท่านรัฐมนตรีกลาโหมบอกกับอเมริกาไปว่าเขาสั่งการให้กองทัพเตรียมพร้อมสำหรับทางเลือกทางทหาร” แหล่งข่าวด้านความมั่นคงบอกกับอาร์มี เรดิโอ ของอิสราเอล แหล่งข่าวรายเดียวกันนี้ อ้างว่าในขณะที่เตหะราน ใกล้ที่จะผลิตวัสดุฟิสไซล์ได้มากพอสำหรับระเบิดนิวเคลียร์หนึ่งลูก แต่อิหร่านจะไม่มีทางก้าวผ่านประตูนั้น เพราะอิสราเอลตระหนักดี ถึงความอันตรายร้ายแรงของก้าวย่างดังกล่าว
ทั้งนี้ อิสราเอลกล่าวหาอิหร่านซ้ำๆ ว่าต้องการครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ แต่ทางเตหะรานก็ปฏิเสธอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับคำกล่าวหาดังกล่าว โดยยืนยันว่ามันเป็นโครงการนิวเคลียร์ที่มีวัตถุประสงค์ทางพลเรือนเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แหล่งข่าวด้านการทูตรายหนึ่งให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนอิสราเอลแยกกัน ว่าคำประกาศเตรียมพร้อม สำหรับความเป็นไปได้ที่จะโจมตีอิหร่าน ไม่ได้รับเสียงคัดค้านใดๆ มาจากเจ้าหน้าที่อเมริกา “ไม่มีเสียงวีโต้” แหล่งข่าวบอกกับ เยรูซาเลมโพสต์
ระหว่างการเยือนสหรัฐฯ แกนท์ซ แสดงความหวังว่าจะมีการพูดคุยและร่วมมือกันอย่างแน่นแฟ้นกับวอชิงตันในประเด็นอิหร่าน เช่นเดียวกับยกระดับความพร้อมด้านการทหารร่วมกันเพื่อรับมือกับอิหร่าน และหยุดยั้งพฤติกรรมก้าวร้าวในภูมิภาคและความทะเยอทะยานทางนิวเคลียร์ของเตหะราน
แม้ ลอยด์ ออสติน ดูเหมือนจะชื่นชอบสงครามน้อยกว่า แต่เขาบอกว่าวอชิงตัน มีความกังวลอิหร่านอาจล้มเหลวในการแสดงออกถึงความร่วมมือด้านการทูตอย่างสร้างสรรค์ และเตือนว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ “เตรียมพร้อมหันไปสู่ทางเลือกอื่นๆ” ในการจัดการกับอิหร่าน
ไม่นานหลังการประชุมระหว่าง ลอยด์ และ แกนท์ซ สิ้นสุดลง ทาง เจน ซากี เลขานุการฝ่ายสื่อสารมวลชนของทำเนียบขาว เน้นย้ำถึงความพร้อมของสหรัฐฯ ในการสำรวจทางเลือกอื่นๆ
“จากความก้าวหน้าในโครงการนิวเคลียร์อิหร่าน ประธานาธิบดีขอให้คณะทำงานของเขาเตรียมพร้อมในกรณีที่การทูตล้มเหลว และเราต้องหันไปสู่ทางเลือกอื่นๆ ซึ่งนั่นจำเป็นต้องมีการเตรียมการ” ซากีกล่าว พร้อมระบุว่า “ทางเลือกต่างๆ นั้น” อาจรวมถึงมาตรการเพิ่มเติมนั้นจะเป็นการกำหนดข้อจำกัดเพิ่มเติมเล่นงานนภาคต่างๆ ที่สร้างรายได้แก่อิหร่าน” ซึ่งชัดเจนว่าพยายามหลีกเลี่ยงพาดพิงถึงทางเลือกด้านการทหาร
โวหารแห่งความเป็นศัตรูครั้งนี้มีขึ้นท่ามกลางการคืนสู่โต๊ะเจรจากันอีกครั้งในกรุงเวียนนา โดยการประชุมดังกล่าวมีเป้าหมายรื้อฟื้นข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านปี 2015 ที่เรียกอย่างเป็นทางการว่า แผนปฏิบัติการร่วมที่ครอบคลุม (Joint Comprehensive Plan for Action) หรือ JCPOA อย่างไรก็ตาม การเจรจาแทบไม่มีความคืบหน้าใดๆ ด้วยเตหะรานยังคงเรียกร้องให้วอชิงตันยกเลิกมาตรการกดขี่พวกเขาทั้งหมด
ข้อตกลง JCPOA ถูกฉีกเป็นชิ้นๆ หลัง โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ณ ขณะนั้นถอนตัวออกจากข้อตกลงดังกล่าวในปี 2018 โดยกล่าวหาเตหะรานละเมิดจิตวิญญาณของข้อตกลง และนับตั้งแต่นั้นวอชิงตันก็กลับมากำหนดมาตรการคว่ำบาตรอันเก่าและออกมาตรการคว่ำบาตรใหม่ๆ เล่นงานเตหะราน ส่วนอิหร่านตอบโต้ด้วยการระงับพันธสัญญาใน JCPOA ยกระดับเสริมสมรรถนะยูเรเนียมและขยายโครงการนิวเคลียร์