รมช.มหาดไทย ถก ความคืบหน้าการสร้าง”ด่านสะเดา” หลังรัฐทุ่มกว่า 2 พันล้าน รองรับการขยายค้าชายแดน “ไทย-มาเลย์” นำรายได้เข้ารัฐร่วม4 แสนล้าน/ปี ทุกหน่วยยัน พร้อมใช้ได้ภายในปี 66 สั่งกำชับ ต้องเปิดบริการทั้งส่วนทางหลวงมอเตอร์เวย์ และด่านใหม่เต็มรูปแบบ
วันที่ 8 พ.ย.2564 เวลา 10.00 น. ที่ ห้องประชุมพระนิกรบดี ชั้น 2 อาคารสำนักงานด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่ อ.สะเดาะ จ.สงขลา นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย ในฐานะคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) เป็นประธานการประชุมเร่งรัดแก้ไขปัญหาการเปิดใช้ด่านสะเดา จ.สงขลา โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ระบบ ZOOM นายนิพนธ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า การประชุมนี้มีวาระสำคัญหลายเรื่อง ทั้งการรายงานความคืบหน้า ปัญหา อุปสรรคในการเปิดจุดเชื่อมของด่านสะเดา หรือด่านนอกแห่งใหม่ ที่ชาวบ้านเรียกกัน จะเป็นจุดเชื่อมใหม่ระหว่างไทย-มาเลเซีย ปัจจุบันด่านสะเดาได้ดําเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จมาเกือบ 2 ปี ใช้งบฯในการก่อสร้างกว่า 2,200ล้านบาท เพราะเป็นด่านการค้าชายแดนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ทั้งส่งออกและนำเข้ารวมมูลค่า 400,000 ล้านบาท รัฐบาลให้ความสำคัญกับด่านแห่งนี้ ซึ่งที่ผ่านมาเราไม่สามารถเปิดทำการได้เพราะการเจรจาเรื่องจุดเชื่อมผ่านแดน แต่ขณะนี้ได้ข้อยุติแล้ว แม้ผ่านมามีความล่าช้าเพราะติดสถานการณ์ โควิด-19 ตนจึงได้นำเสนอไปยังคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) เมื่อปลายเดือนต.ค. โดยประธานได้มอบหมายให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เข้ามาดูด้วย “ในที่ประชุมได้ข้อสรุปว่า ให้ตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ โดยทางจ.สงขลาเป็นหัวหน้าคณะทำงาน ร่วมกับ องค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.) เทศบาลตำบลสำนักขาม สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (สปก.) กรมศุลกากร และกรมทางหลวง หารือร่วมถ้าได้ข้อยุติชัดเจนจะขอสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาลต่อไป ทั้งนี้คาดว่า การก่อสร้างด่านนี้จะแล้วเสร็จในปี 2566และเปิดใช้บริการได้แน่ พร้อมกับถนนมอเตอร์เวย์ในส่วน 6 กิโลเมตรของกรมทางหลวง ซึ่งตัวแทนกรมทางหลวงยืนยันว่า จะสามารถเปิดใช้บริการได้ในช่วงปลายปี 2565 ตนจึงเร่งรัดว่าให้ทั้ง 2 ส่วนสามารถเปิดใช้งานพร้อมกันให้ได้ เพื่อมอบเป็นของขวัญให้กับพี่น้องประชาชนในปี 2566 เพื่อสามารถรองรับการค้าชายแดนไทย-มาเลย์ อย่างเต็มรูปแบบต่อไป” รมช.มหาดไทย กล่าว