ธปท.เกาะติด นโยบายเปิดประเทศ ของรัฐบาล ที่จะเริ่มขึ้น ในวันที่ 1 พ.ย.นี้ ชี้ หากคุม การแพร่ระบาดไม่อยู่ มีโอกาสที่ จีดีพี จะหลุด 0.7% โดยจะขอทบทวนประมาณการใหม่อีกครั้งในเดือน ธ.ค.
วันที่ 31 ต.ค.2564 น.ส.ชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายบริหารการสื่อสารองค์กร ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เปิดเผยว่า หลังจากเปิดประเทศ รับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ในวันที่ 1 พ.ย.2564 ธปท.มองว่าจะเห็นการฟื้นตัวและเรียกความเชื่อมั่นต่าง ๆ กลับมาได้ แม้จะมีความเสี่ยงการติดเชื้อโควิด-19 ขึ้นบ้าง แต่สามารถบริหารจัดการได้และการกระจายวัคซีนทำได้ดี ช่วยให้ผู้ป่วยโควิดขั้นรุนแรงไม่ได้เพิ่มสูง ทำให้เศรษฐกิจไทยทยอยฟื้นตัว “หลังเปิดประเทศ ธปท.คาดว่าปี 2564 จะขยายตัวกรณีฐาน 0.7% แต่ก็ได้ประเมินกรณีเลวร้ายหากมีความเสี่ยงโควิดระบาด ก็มีโอกาสที่อาจต่ำกว่า 0.7% โดยจะทบทวนประมาณการเศรษฐกิจและจำนวนนักท่องเที่ยวใหม่ในเดือนธ.ค.2564” น.ส.ชญาวดี กล่าวและว่า
สำหรับเศรษฐกิจไทยในปี 2565 จะเป็นช่วงของฟื้นฟูภาคธุรกิจ ซึ่งก็มีสินเชื่อฟื้นฟูไว้รองรับธุรกิจที่ต้องการสภาพคล่อง และ สนับสนุนปรับโครงสร้างหนี้ในช่วงที่เริ่มฟื้นฟูมาก โดยเครื่องมือที่มีอยู่ยังช่วยเหลือได้ แต่ยังตอบไม่ได้ว่ามาตรการปัจจุบันเพียงพอหรือไม่ อาจต้องดูหลายมาตรการร่วมกัน โดยจากการสอบถามผู้ประกอบการหลายแห่งในเดือน ต.ค. เห็นสัญญาณหลายธุรกิจปรับตัวดีขึ้น ภาคการผลิตดีขึ้นตามกำลังซื้อที่ค่อย ๆ ปรับตัวดี และตามกิจกรรมเศรษฐกิจที่ค่อย ๆ ฟื้นตัว รวมทั้งภาคบริการรับผลบวกจากการผ่อนคลายควบคุมการระบาด และยังเห็นสัญญาณแรงงานย้ายถิ่นและเลิกจ้างลดลง เริ่มเห็นการเคลื่อนย้ายแรงงานกลับเข้าพื้นที่อุตสาหกรรมบ้างแล้ว แต่ยังต้องติดตามความเปราะบางต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ในเดือนต.ค.เห็นทิศทางเงินบาทกลับมาแข็งค่า หลังจากไทยเตรียมเปิดประเทศในวันที่ 1 พ.ย.นี้ ซึ่งเงินบาทในเดือน ก.ย. อ่อนค่าเทียบดอลลาร์สหรัฐฯ หลังจากผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐเพิ่มขึ้น ด้านเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนก.ย.กลับมาเพิ่มขึ้นจากสิ้นสุดมาตรการลดค่าไฟฟ้าและน้ำประปา และราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศตามราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น โดยคาดเงินเฟ้อปี 64 จะเข้าสู่กรอบล่าง 1%