รุมประณาม กลุ่มไอซิส สุดชั่วช้า ก่อเหตุบึ้มพลีชีพ ทำร้ายผู้บริสุทธิ์ ทำพิธีละหมาด

82

รุมประณาม กลุ่มไอซิส ก่อเหตุระเบิดพลีชีพ ในมัสยิด “ซัยยิดอาบาด” ส่งผลให้ผู้บริสุทธิ์ บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก ทั้งที่กำลังประกอบศาสนกิจ ขัดบทบัญญัติอิสลาม เป็นการกระทำอย่างชั่วช้า

การระเบิดฆ่าตัวตายในมัสยิด”ซัยยิดอาบาด” เขตบะดัรคาน ของจังหวัดกันดูซ ทางตอนเหนือของอัฟกานิสถาน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บรวม 300 คน

มัสยิดดังกล่าว ตั้งอยู่ในเขตชุมชนพี่น้องชาวชีอะห์ ซึ่งทำให้ผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บล้วนเป็นชีอะห์ทั้งสิ้น ไอซิสออกมาแสดงความรับผิดชอบ ผู้ปฏิบัติการเป็นไอซิสชาวอุยกูร์ เหตุการณ์ครั้งนี้ ไม่ใช่ครั้งแรกที่ชาวชีอะห์ในอัฟฆานิสถานต้องตกเป็นเหยื่อของการปฏิบัติการสังหารโหดเช่นนี้หากพิจารณาถึงขอบเขตของสงครามในศาสนาอิสลาม ไม่มีข้อใดที่อนุมัติให้สังหารผู้คนในขณะที่ผู้นั้น กำลังประกอบศาสนกิจทางศาสนา ไม่ว่าจะเป็นสงครามระหว่างอิสลามกับกลุ่มผู้ปฏิเสธ (กาฟิร มุชริก ยะฮูดี) ในสมัยท่านศาสดา หรือ สงครามระหว่างมุสลิมกันเองสมัยหลังท่านศาสดา “การนมาซ ช่วงค่ำ หรือช่วงเวลาพักสงคราม” ล้วนเป็นช่วงเวลายกเว้นของการต่อสู้ระหว่างกันในฐานะสุภาพบุรุษของสมรภูมิ จึงอยากตั้งข้อสังเกตุให้ผู้อ่านลองพิจารณาดูว่า

1) ชีอะห์ในอัฟฆานิสถานไม่อยู่ในกลุ่มต่อสู้เพื่อแย่งชิงอำนาจการบริหารประเทศ เพราะคู่ขัดแย้งคือกลุ่ม ตาลีบัน-ไอซิส หรือ ตาลิบันกับกลุ่มอำนาจเก่า ฯลฯ

ดังนั้นการระเบิดฆ่าตัวตายและทำให้ผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตโดยที่ไม่ใช่คู่ขัดแย้งกับตนเองหมายถึงการก่อการร้ายอย่างชั่วช้าสามัญ2) ในบทบัญญัติอิสลามพร้อมวิถีปฏิบัติของท่านศาสดาและยุคหลังท่าน ได้ยกเว้นการต่อสู้สงครามในช่วงการปฏิบัติศาสนกิจทางศาสนา (ทุกศาสนาและนิกาย) แต่ไอซิสเลือกช่วงสังหารผู้บริสุทธิ์ในขณะที่พวกเขากำลังนมาซวันศุกร์ ซึ่งเป็นศาสนกิจที่สำคัญที่สุดในอิสลาม จึงเป็นการปฏิบัติที่ไม่มีในบทบัญญัติอิสลามและไม่มีในแบบฉบับของท่านศาสดาอิสลาม

ดังนั้นต้องมีการสร้างนิติศาสตร์อิสลามแบบใหม่ขึ้นมา เพื่อหาเหตุผลที่ชอบธรรมในทางปฏิบัติ ซึ่งอุดมการณ์ทางการเมืองของกลุ่มไอซิสได้จากสำนักคิดวะฮาบีตักฟีรี (Wahhabi Takiri) เท่ากับแนวคิดวะฮาบีตักฟีรี ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใดกับอิสลามและแบบฉบับท่านศาสดา ทว่า เป็นลัทธิที่ทำลายอิสลามเพราะอุดมการณ์ล้วนสวนทางกับความเป็นจริงในหน้าประวัติศาสตร์ทั้งสิ้น3) ไอซิสได้ปฏิบัติการสังหารผู้คน ทั้งยิงศีรษะ เผาทั้งเป็น ตัดศีรษะ จับสตรีเป็นเชลยทางเพศ ฯลฯ ปรากฏในหลายชาติด้วยกัน ไม่ว่า อิรัก ซีเรีย อัฟฆานิสถาน ปากีสถาน โดยได้รับการสนับสนุนทางอุดมการณ์จากลัทธิวะฮาบีตักฟีรี เงินสนับสนุนจากชาติอาหรับที่ทรยศต่ออิสลาม และอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัยจากชาติตะวันตก ส่วนผู้ที่กวาดล้างไอซิสในอิรักและซีเรียจนสาบสูญอย่างชะฮีดนายพลกอเซ็ม สุไลมานี กลับถูกสหรัฐสังหารอย่างโหดเหี้ยม

ผู้อ่านลองตัดสินกันดูว่า ใครที่สร้างพร้อมสนับสนุนขบวนการก่อการร้ายขึ้นในศตวรรษที่ผ่านมา และท่านจะรับรู้ถึงความจริงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

ส่วนรัฐบาลทั่วโลก ก็อย่าให้อำนาจการต่อรองทางเศรษฐกิจเป็นตัวกำหนดนโยบายทางการเมืองระหว่างประเทศ เพราะจะทำให้สูญเสียคุณธรรม ศีลธรรมและมนุษยธรรมที่ดีงาม ซึ่งเป็นสามัญสำนึกของมนุษย์ทุกคน และจะทำให้เราอยู่ข้างปิศาจโดยพฤตินัย

#ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวผู้สูญเสีย

Cr. ดร.เลอพงษ์ ซาร์ยีด