“รสนา” ฉะยับ โครงสร้างราคาน้ำมัน มัดคอ ปชช. จี้ พลังงาน เร่งแก้ หยุดหมกเม็ด

“รสนา โตสิตระกูล” ฉะ “ราคาน้ำมัน-ก๊าซหุงต้ม” ทยอยกันขึ้นราคา ซ้ำเติมประชาชน ชี้เป็น โครงสร้างราคา ที่เอื้อนายทุน แต่ พยามกรอกหูประชาชนว่า เป็นกลไกตลาดเสรี อัดยับ กระทรวงพลังงาน ไม่เคยคิดแก้ปัญหา

โครงสร้างราคาน้ำมัน ก๊าซหุงต้มที่มัดคอประชาชนชดเชยอย่างไร นายทุนมีแต่รวย!! พรุ่งนี้ (30กันยายน) ราคาน้ำมันเบนซิน ดีเซลปรับขึ้นอีกแล้ว หลังจากเพิ่งปรับขึ้นเมื่อวันที่28 กันยายนที่ผ่านมา นี่เป็นข้ออ้างว่าราคาน้ำมันปรับขึ้นลงตามราคาตลาดโลก พยายามกรอกหูประชาชนว่า นี่คือเป็นกลไกเสรี แต่น่าจะเป็นตลาดเสรีของหมาจิ้งจอกในเล้าไก่มากกว่า ใช่หรือไม่

รมว.พลังงานเพิ่งมีการประชุมเมื่อ28 กันยายนหารือเรื่องราคาน้ำมันตลาดโลกปรับขึ้น ก๊าซหุงต้มปรับขึ้น อ้างจะขยับเพดานชดเชยก๊าซหุงต้มเป็น 2หมื่นล้านบาท เลยจะหาโอกาสกู้เงินอีก2หมื่นล้านมาใส่กองทุนน้ำมันเพื่อชดเชยราคาทั้งก๊าซและน้ำมัน ถ้าโครงสร้างราคาน้ำมันและก๊าซหุงต้มยังเป็นอยู่แบบนี้ ต้องชดเชยกันไม่มีวันสิ้นสุด

ก๊าซหุงต้มจากการผลิตในประเทศ ทั้งจากโรงแยกก๊าซและโรงกลั่นมีปริมาณไม่น้อยกว่า 80-90% ที่นำเข้ามีปริมาณสูงสุดไม่เกิน 10% แต่รัฐบาลไม่ยอมให้คนไทยใช้ในราคาสินค้าไทย นายกฯคนนี้เป็นผู้ปล่อยลอยตัวก๊าซหุงต้มให้ไปอิงราคาซาอุดิอาระเบีย นิยายพล็อตเดียวกับน้ำมันที่อิงราคาสิงคโปร์ ทั้งน้ำมันและก๊าซหุงต้มไม่ใช่แค่อิงราคา แต่ตั้งราคาเป็นราคานำเข้าที่บวกทั้งค่าขนส่ง ค่าประกันภัย ค่าสูญเสียระหว่างทาง น้ำมันสำเร็จรูปผูกสูตรไว้สลับซับซ้อนทั้งราคาปรับปรุงคุณภาพ และอีกจิปาถะเพื่อการบวก,บวก,บวก ส่วนก๊าซหุงต้มกว่า80%เป็นของที่ผลิตได้ในประเทศ แต่ใช้ราคานำเข้าจากซาอุฯ ที่บวกค่าขนส่งแล้ว ยังบวกค่าโสหุ้ยอื่น เรียกประกันกำไรให้ผู้ประกอบการเต็มพิกัด

การตรึงราคาก๊าซหุงต้ม หรือการชดเชยราคาน้ำมันก็คือล้วงกระเป๋าประชาชนมาใส่กองทุนน้ำมัน แล้วเอากองทุนน้ำมันมาชดเชยให้ก๊าซหุงต้มถึง12.74 บาท/กิโลกรัม ในอดีตก๊าซหุงต้มในประเทศกิโลกรัมละ18 บาท ราคาก๊าซฯ ถังบรรจุ15 กิโลกรัม 270บาท ปัจจุบันใช้ราคานำเข้าจากซาอุฯ อัพราคาขึ้นไปสูงทั้งที่ก๊าซส่วนใหญ่เป็นก๊าซในอ่าวไทย เมื่อเพิ่มราคาให้สูงขึ้นมาก แล้วเอากองทุนจากกระเป๋าประชาชนมาชดเชย12.74บาท เพื่อลดราคามาอยู่ที่ 18.87บาท/กิโลกรัม เรียกว่าเป็นการถ่ายโอนเงินชดเชยจากกองทุนน้ำมันไปเข้ากระเป๋าใคร!?

เช่นเดียวกันราคาน้ำมันที่เอากองทุนฯมาชดเชยก็เป็นการชดเชยเอทานอล และไบโอดีเซล(บี100)ที่อัพราคาไว้สูงมากเช่นกัน เอทานอล ลิตรละ 25.69บาท บี100ลิตรละ 41.36 บาท ในขณะที่เบนซิน ดีเซล ราคาลิตรละ 19.11 บาท ทำไมรัฐบาลไม่ยกเลิกการเติมเอทานอล และบี100 ไปเสีย ทำไมเอาน้ำมันจากพืชราคาแพงมาเติมน้ำมันถูกให้แพงขึ้น แล้วล้วงกระเป๋าคนใช้น้ำมันไปจ่ายเอทานอลกับบี100 นั่นคือการบีบคอประชาชนต้องซื้อน้ำมันชีวภาพราคาแพงใช่ไหม แต่เอากองทุนฯชดเชยมาบดบังตาเอาไว้ว่าราคาถูก เป็นโครงสร้างที่บังคับขาย หรือเรียกว่าบังคับถ่ายเงินที่ล้วงกระเป๋าประชาชนให้กลุ่มทุนโรงกลั่น ใช่หรือไม่

หยุดมัดคอประชาชนในช่วงวิกฤตโควิด กับวิกฤตน้ำท่วมใหญ่ได้ไหม ประชาชนยากลำบากมากทั้งจากตกงาน ขาดเงินเพราะโควิด และขณะนี้ถูกน้ำท่วมซ้ำเติมเข้าไปอีก แต่รัฐบาลโดยเฉพาะกระทรวงพลังงานที่ไม่รู้ร้อน รู้หนาว ปล่อยให้มีการขึ้นราคาน้ำมันวันเว้นวันแบบนี้ได้อย่างไร

พรบ.กองทุนน้ำมัน 2562 ในมาตรา5 ระบุวัตถุประสงค์ให้ใช้กองทุนฯเพื่อรักษาเสถียรภาพระดับราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศให้อยู่ ในระดับที่เหมาะสมในกรณีท่ีเกิดวิกฤตการณ์ด้านน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งขณะนี้เป็นช่วงเวลาที่ควรนำเงินกองทุนที่ประชาชนสะสมไว้เหมือนหยอดกระปุกออมสินมาชดเชยไม่ให้น้ำมันขึ้นราคากันวันเว้นวันแบบนี้จึงจะสมควร

การใช้เงินกองทุนน้ำมันแบบไม่บันยะบันยังจ่ายชดเชยให้เอทานอลลิตรละ 25.69 บาทและบี100ในราคาลิตรละ 41.36บาท เป็นราคาที่ไม่เคยถูกตรวจสอบว่าเป็นราคาที่คำนวณจากต้นทุนแบบไหน เป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่ ในเมื่อในบทเฉพาะกาลในพรบ.กองทุนน้ำมันฯระบุว่าถ้าจะนำไปชดเชยน้ำมันชีวภาพต้องมีการลดการชดเชยลงทุกปี แต่สิ่งที่ปฏิบัติจริง ไม่เคยลดลง มีแต่ชดเชยเพิ่มขึ้น และไม่ได้ชดเชยแค่น้ำมันชีวภาพเท่านั้น เอามาชดเชยทั้งภาษี และค่าการตลาดด้วย สิ่งที่ทำอยู่ขณะนี้ถือว่าชอบด้วยกฏหมายแล้วหรือไม่

มีข่าวว่ากระทรวงพลังงาน นอกจาก ไม่เคยคิดแก้ไขโครงสร้างที่มัดคอประชาชนทั้งราคาก๊าซหุงต้ม และราคาน้ำมันแล้ว ยังคิดจะกู้เพิ่มมาชดเชย ควรจะถือว่ากู้เพื่ออุ้มคนรวย ซวยคนจน เป็นภาระบนหลังไหล่ประชาชน และลูกหลานรุ่นต่อไป ใช่หรือไม่ สิ่งที่ดิฉันเคยเสนอและเรียกร้อง แต่รัฐบาลและผู้บริหารกระทรวงพลังงานไม่เคยสนใจรับฟัง ขอเรียนเสนออีกครั้งในยามที่ประชาชนประสบเคราะห์ซ้ำกรรมซัด จากโควิด และน้ำท่วม ขอให้ท่านโปรดรับฟังและช่วยเหลือประชาชนบ้าง

1)ลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันลงลิตรละ5บาท ประชาชนจะได้รับการช่วยเหลือจากรัฐบาลอย่างทั่วถึง

2)ยกเลิกผลิตน้ำมันอี 20 ลดเงินชดเชยจากกองทุนฯลิตรละ2.28บาท และ อี85 ลดเงินชดเชยจากกองทุนฯ ลิตรละ7.13บาทจะช่วยลดการใช้จ่ายกองทุนน้ำมันได้ และถ้าน้ำมันเอทานอลแพงกว่าน้ำมันเบนซินเกิน20%ควรยกเลิกน้ำมันสูตรผสม

3)ยกเลิกดีเซลบี7 ลดการชดเชยลิตรละ1บาทและบี20 ลดการชดเชยลิตรละ4.16 บาท และถ้าน้ำมันบี100 แพงกว่าดีเซลเกิน20% ควรยกเลิกน้ำมันสูตรผสม

4)การปรับขึ้นราคาน้ำมันไม่เกินเดือนละครั้ง ถ้าน้ำมันตลาดโลกปรับตัวสูงในแต่ละเดือนเกินกว่า1ครั้งให้ใช้กองทุนน้ำมันชดเชย

5)ยกเลิกสูตรอ้างอิงราคานำเข้าก๊าซหุงต้มจากซาอุฯ ปรับปรุงราคาให้เหมาะสมในฐานะที่ก๊าซหุงต้มเป็นก๊าซผลิตได้ในประเทศ

หากทำได้ราคาน้ำมันจะลดลงได้อย่างน้อย 8-9บาทต่อลิตร ลดภาษี5บาทลดกองทุนน้ำมันลง3-4บาท น้ำมันจะเหลือราคาประมาณ 20บาท สินค้าอุปโภค บริโภคจะลดลง เป็นการช่วยเหลือประชาชนในยามลำบาก ท่านรัฐมนตรีก็ไม่ต้องกู้เงินมาให้เป็นภาระของประชาชน เพราะแท้ที่จริงเป็นเพียงการอ้างประชาชนบังหน้าเพื่อผ่องถ่ายเงินให้กลุ่มทุนพลังงานเท่านั้น ใช่หรือไม่

รสนา โตสิตระกูล
29 กันยายน 2564