อิบรอฮีม ราอีซี่ ประธานาธิบดีอิหร่าน ได้ปราศรัยในการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติสมัยที่ 76 ระบุว่า ระบอบการปกครองของสหรัฐอเมริกาได้สิ้นสุดลงแล้ว และอิหร่านเดินหน้าสร้างสันติภาพและความมั่นคงของโลก
.
อิบรอฮีม ราอีซี่ ประธานาธิบดีอิหร่าน เริ่มต้นการปราศรัยด้วยการกล่าว بسم الله الرحمن الرحیم
(ด้วยพระนามของอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตาและปรานียิ่งเสมอ)
الحمدلله رب العالمین وصلی الله علی محمد و اله الطاهرین و صحبه المنتجبین
สุภาพสตรีและสุภาพบุรุษทุกท่าน
ราอีซี่ กล่าวว่า อิหร่านเป็นดินแดนแห่งวัฒนธรรมและอารยธรรม ดินแดนแห่งความรู้และจิตวิญญาณ ดินแดนแห่งความอดทนและความเป็นอิสระ ประชาชาติอิหร่านเป็นประเทศที่เคารพภักดีพระผู้เป็นเจ้ารักแผ่นดิน เอกลักษณ์และความเป็นสากล
ประเทศของเราได้ต่อต้านเผด็จการเพื่อปกป้องสิทธิในการกำหนดชะตากรรมของตนเองและเสรีภาพมาเป็นเวลาหลายร้อยปี เป็นประเทศที่ก้าวหน้าที่สุดในระบบการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งในแถบเอเชียตะวันตก การปฏิวัติอิสลามเป็นการก้าวกระโดดครั้งใหญ่ในการทำให้อุดมคติของชาติและอิสลามของประเทศอิหร่านเป็นจริงขึ้นมา ซึ่งรวมถึงเสรีภาพ ความเป็นอิสระ และประชาธิปไตยทางศาสนา
ในฐานะที่ข้าพเจ้าได้รับเลือกจากประชาชาติอิหร่านที่ยิ่งใหญ่ ฉันภูมิใจที่ได้เป็นตัวแทนของของพวกเขา เพื่อถ่ายทอดข้อความ(สาส์น)แห่งความมีเหตุมีผล ความยุติธรรม และเสรีภาพ อันเป็นหลักการพื้นฐานสามประการของชีวิตมนุษย์ร่วมสมัย หลักการทั้งสามนี้ ซึ่งเป็นจุดร่วมของทุกศาสนาของศาสดาอิบรอฮีม (ศาสนาแห่งฟากฟ้า) และจะไม่ไปถึงจุดหมายโดยปราศจากจิตวิญญาณ
.
เสรีภาพและความยุติธรรม เป็นคำศักดิ์สิทธิ์และถูกกดขี่ เป็นคำอธิบายที่กว้างมาก และในทางปฏิบัติ มันยากและละเอียดอ่อนมาก เสรีภาพ หมายถึง สิทธิในการคิด ตัดสินใจ และกระทำเพื่อมนุษย์ทุกคน สันติภาพและความมั่นคงที่ยั่งยืนขึ้นอยู่กับการบริหารความยุติธรรม และจุดประสงค์หลักของสาส์นของบรรดาศาสนทูตของพระผู้เป็นเจ้าคือการทำให้มนุษย์ลุกขึ้นเรียกร้องสิทธิและความยุติธรรม การบรรลุความยุติธรรมและเสรีภาพนั้นสามารถทำได้โดยการรักษาสิทธิของทุกประชาชาติ และการละเมิดสิทธิของประเทศต่างๆจะเป็นอันตรายต่อสันติภาพ ซึ่งเหนือสิ่งอื่นใดคือสันติภาพและความมั่นคงของโลก
.
สุภาพสตรีและสุภาพบุรุษทุกท่าน
สุภาพสตรีและสุภาพบุรุษทุกท่าน
เมื่อปีที่แล้ว สองภาพที่สร้างประวัติศาสตร์ คือ: วันที่ 6 มกราคม เมื่อรัฐสภาคองเกรสแห่งสหรัฐอเมริกาถูกโจมตีโดยชาวอเมริกัน และในเดือนสิงหาคม ชาวอัฟกันถูกโยนลงจากเครื่องบินอเมริกัน จากเมืองหลวง(วอชิงตัน)สู่กรุงคาบูล ได้ส่งข้อความไปทั่วทุกมุมโลก คือ: ระบบการปกครองของสหรัฐฯไม่ได้รับความนิยมอีกแล้ว ไม่ว่าจะภายในหรือภายนอก
สิ่งที่พบเห็นได้ในภูมิภาคนี้ แสดงให้เห็นว่าไม่เพียงแต่นักล่าอานานิคมเท่านั้นที่ล้มเหลว แต่โครงการสร้างเอกลักษณ์แบบตะวันตกก็ล้มเหลวเช่นกัน ผลของการเป็นเจ้าโลก(ของอเมริกา)คือการนองเลือดและความไม่มั่นคง และท้ายที่สุดแล้วคือความพ่ายแพ้และการวิ่งหนี วันนี้ สหรัฐฯ ไม่ได้ถอนตัวออกจากอิรักและอัฟกานิสถานแต่พวกเขาถูกขับไล่ออก อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายของการขาดความสมเหตุสมผลนี้ตกเป็นภาระของประเทศที่ถูกกดขี่ตั้งแต่ปาเลสไตน์และซีเรียไปจนถึงเยเมนและอัฟกานิสถาน และในทางกลับกันผู้เสียภาษีเหล่านี้คือชาวอเมริกันเอง
สำหรับโลกทุกวันนี้ไม่สำคัญว่า “อเมริกาเป็นที่หนึ่ง” หรือ “อเมริกากลับมาอีกแล้ว” แต่หากความมีเหตุผลอยู่ในวาระของผู้มีอำนาจตัดสินใจ พวกเขาต้องเข้าใจว่าความอดทนของประเทศต่างๆ แข็งแกร่งยิ่งกว่าอำนาจของมหาอำนาจเสียอีก ความผิดพลาดของชาวอเมริกันในช่วงสองสามทศวรรษที่ผ่านมาคือการเปลี่ยน “วิถีแห่งสงคราม” ของตนกับโลก แทนที่จะเปลี่ยน “วิถีชีวิต” ของตนกับโลก ซึ่งทางที่ผิดแม้ด้วยวิธีการที่แตกต่างออกไปก็จะไม่สามารถบรรลุผลลัพธ์ได้
.
การคว่ำบาตรเป็นวิธีการใหม่ในการทำสงครามกับชาติต่างๆ ของอเมริกา การคว่ำบาตรต่อชาวอิหร่านไม่ได้เริ่มต้นช่วงเวลาการดำเนินโครงการนิวเคลียร์หรือแม้แต่ช่วงแรกเริ่มของการปฏิวัติอิสลาม แต่เริ่มขึ้นในปี 1951 เมื่ออุตสาหกรรมน้ำมันแห่งชาติอิหร่าน และนำไปสู่การรัฐประหารโดยทหารต่อรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของอิหร่านโดยการสนับสนุนของอเมริกาและอังกฤษ และการคว่ำบาตรโดยเฉพาะอย่างยิ่งการคว่ำบาตรเวชภัณฑ์ยาในช่วงโควิด-19 นั้นถือเป็นอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ
การคว่ำบาตรเป็นวิธีการใหม่ในการทำสงครามกับชาติต่างๆ ของอเมริกา การคว่ำบาตรต่อชาวอิหร่านไม่ได้เริ่มต้นช่วงเวลาการดำเนินโครงการนิวเคลียร์หรือแม้แต่ช่วงแรกเริ่มของการปฏิวัติอิสลาม แต่เริ่มขึ้นในปี 1951 เมื่ออุตสาหกรรมน้ำมันแห่งชาติอิหร่าน และนำไปสู่การรัฐประหารโดยทหารต่อรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของอิหร่านโดยการสนับสนุนของอเมริกาและอังกฤษ และการคว่ำบาตรโดยเฉพาะอย่างยิ่งการคว่ำบาตรเวชภัณฑ์ยาในช่วงโควิด-19 นั้นถือเป็นอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ
ในอัลกุรอาน คุณลักษณะอย่างหนึ่งของผู้กดขี่คือการทำลายธรรมชาติและเผ่าพันธุ์มนุษย์
สาธารณรัฐอิสลามเสนอว่าด้วยการแนะนำและนำเสนอสองบริบทประเด็นสุขภาพและสิ่งแวดล้อมว่าเป็นปัญหาของมนุษย์ ซึ่งการคว่ำบาตรหรือการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานเป็นสิ่งต้องห้าม ในนามของชาวอิหร่านและผู้ลี้ภัยหลายล้านคนที่เป็นแขกในประเทศของฉัน ฉันขอประณามมาตรการคว่ำบาตรที่ผิดกฎหมายของสหรัฐฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นด้านมนุษยธรรม และเรียกร้องให้มีการจดบันทึกอาชญากรรมที่เป็นระบบต่อมนุษยชาติในฐานะสัญลักษณ์และความเป็นจริงของสิทธิมนุษยชนอเมริกัน
สาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านได้พยายามซื้อและนำเข้าวัคซีนจากฝ่ายต่างๆที่ได้รับการรับรองในต่างประเทศมาตั้งแต่ต้นแล้ว แต่มีมาตรการคว่ำบาตรด้านยาต่อประชาชาติอิหร่าน ดังนั้นตั้งแต่เริ่มแรก เราจึงคิดที่จะจัดหาวัคซีนที่ยั่งยืนผ่านการผลิตภายในประเทศ
อิหร่านได้ฉายแสงแห่งความสำเร็จที่ควบคู่ไปกับวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์เพื่อสันติและดาวเทียม เป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ของเอเชีย บรรดาแพทย์และนักวิทยาศาสตร์ชาวอิหร่านมีความโดดเด่นในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ เฉกเช่นแอวิเซนนา ทั้งนี้วิทยการและความรู้ที่เป็นประโยชน์ต่อมนุษยชาติไม่สามารถคว่ำบาตรได้ เราจึงได้ผลิตเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องปฏิกรณ์วิจัยเตหะราน ซึ่งผลิตเภสัชรังสีสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งมากกว่าหนึ่งล้านคนในประเทศ เรามีความก้าวหน้าอย่างน่าทึ่งในด้านเทคโนโลยีชีวภาพและสเต็มเซลล์แม้ว่าจะมีการคว่ำบาตร ทุกวันนี้แม้จะมีการคว่ำบาตรด้านสิทธิมนุษยชน แต่เราได้กลายเป็นหนึ่งในผู้ผลิตวัคซีนโคโรนา
ความร่วมมือของประเทศต่างๆ ด้านสุขภาพ โดยเฉพาะวัคซีน คือการช่วยให้เกิดจิตวิญญาณแห่งความร่วมมือและนโยบายแห่งพระผู้เป็นเจ้ากับมนุษย์ในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โคโรนา(โควิด-19)เป็นสัญญาณเตือนภัยสำหรับคนทั้งโลก ซึ่งความปลอดภัยของมนุษย์ทุกคนต้องพึ่งพาอาศัยกัน วิกฤตการณ์ในสังคมมนุษย์ เช่น ความรุนแรง ความยากจน การว่างงาน การทุจริตทางศีลธรรมและเศรษฐกิจ การล่มสลายของระบบครอบครัว สงครามระดับภูมิภาค การก่อการก่อการร้าย และวิกฤตสิ่งแวดล้อม ล้วนเกิดจากการเพิกเฉยต่อหลักการของความมีเหตุมีผล ความยุติธรรม และเสรีภาพ
(ยังมีต่อ)