“อนุทิน”ชี้ เปิดประเทศต้องให้ ศบค.ตัดสิน ไม่ขวางฉีดวัคซีน”สูตรไขว้”ขอให้ปลอดภัย

40

รมว.สาธารณสุข ย้ำ เรื่องเปิดประเทศ ต้องให้ ศบค.ตัดสินใจ ไม่ขัดหากจะฉีดวัคซีนใต้ผิวหนัง แต่ขอให้แพทย์พิจารณา มีหลักวิชาการรองรับ และอยู่บนพื้นฐานของความปลอดภัย

วันที่ 20 ก.ย. 2564 ที่ กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข กล่าวถึงแผนเปิดประเทศ ซึ่งกำลังเป็นที่สนใจของสังคมว่า มีการเสนอเข้ามา แต่ก็ต้องอยู่ที่การพิจารณาของ ศบค.ด้วย และถ้าหากมีคำถาม หน่วยงานที่เสนอเข้ามาก็ต้องชี้แจง สำหรับกระทรวงสาธารณสุข เรื่องเร่งด่วนคือให้บริการวัคซีน บรรลุถึงเป้าที่วางไว้ โดยกรมควบคุมโรคกระจายวัคซีนตามสูตรแล้ว เมื่อไปถึงพื้นที่ ก็ต้องเร่งฉีด

ทั้งนี้ ประเทศไทยได้สั่งซื้อวัคซีนซิโนแวค จำนวน 12 ล้านโดส ตามกำหนดจะส่งมาในเดือนก.ย. 2564 จำนวน 9 ล้านโดส เดือนต.ค. อีก 3 ล้านโดส ซึ่งประเทศไทยได้ปรับสูตรฉีดวัคซีนเป็นสูตร SA คือ เข็มที่ 1 ซิโนแวค เข็มที่ 2 แอสตร้าเซนเนก้า เพื่อร่นเวลาการรับเข็มที่ 2 ให้เร็วขึ้น ภายใน 3-4 สัปดาห์ วัคซีนสูตรนี้ นอกจากสามารถฉีดเข็ม 2 ได้รวดเร็ว และภูมิต้านทานก็ยังขึ้นสูงอีกด้วย ตามการคาดหมายนั้น สิ้นเดือนต.ค.นี้ จะต้องฉีดซิโนแวคเป็นเข็มที่ 1 ให้หมด และอีกไม่เกิน 8 สัปดาห์ ก็จะได้รับเข็มที่ 2 เป็นแอสตร้าเซนเนกา ครบถ้วน ภาพรวม ประเทศไทยจะฉีดวัคซีนอย่างทั่วถึงอย่างช้าที่สุดคือ เดือนพ.ย. 2564

ต่อข้อกรณีโรงพยาบาลในจังหวัดภูเก็ต เริ่มฉีดวัคซีนโควิด 19 ใต้ผิวหนัง ซึ่งนายอนุทิน ระบุว่าก่อนดำเนินการ คณะแพทย์ได้ศึกษามาดีแล้ว มีข้อมูลทางวิชาการรองรับ เช่นเดียวกับการให้บริการวัคซีนแก่เด็ก ก็ต้องผ่านชั้นพิจารณาของคณะแพทย์ ซึ่งไม่ใช่เพียงแพทย์ของกระทรวงฯ แต่เรายังมีอาจารย์แพทย์ แพทย์ผู้ทรงคุณวุฒิ มาช่วยกันพิจารณาด้วย การให้บริการต้องอยู่บนพื้นฐานของความปลอดภัย ส่วนการที่ผู้ปกครองบางท่านต้องการให้บุตรหลานได้รับวัคซีนเชื้อตาย ตรงนี้ ทางภาครัฐเข้าใจความกังวล แต่การที่เด็กจะได้รับวัคซีนเชื้อตาย จะเกิดขึ้น เมื่อผู้ผลิตวัคซีน ได้ปรับการขึ้นทะเบียนกับ อย. ให้สามารถบริการแก่เด็กได้ก่อน