“เต้น-ลายจุด”ลั่นสู้ไม่ถอย ตะเพิดเผด็จการ ถามบิ๊กตู่ ยังจำ”ลุงนวมทอง”ได้หรือไม่

ม็อบ19กันยา ขับรถยนต์ชนรถถัง “ณัฐวุฒิ”สวมเสื้อคนขับแท็กซี่ สวมจิตวิญญาณ “ลุงนวมทอง” ชี้ตราบใดที่ปชช.ไม่ยอมแพ้ เราต้องชนะ ด้าน “บก.ลายจุด”ชี้ รัฐประหารทั้ง 2 ครั้ง เป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ของปชช. ที่ไปเชียร์รัฐประหาร ลั่น ครั้งนี้ ปชช.ต้องไม่พลาด

วันที่ 19 ก.ย. 64 ที่แยกอโศกมนตรี นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ประกาศตัวเป็นคนทำงานในเครือข่ายไล่ประยุทธ์ (อ.ห.ต.) และ นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด ผู้ริเริ่มจัดกิจกรรมคาร์ม็อบ ได้นัดหมายจัดกิจกรรม คาร์ม็อบ19กันยา “ขับรถยนต์ชนรถถัง” #15ปีแล้วนะไอ้สัส เพื่อสานต่อเจตนารมณ์ของ ลุงนวมทอง ไพรวัลย์ ผู้ซึ่งขับแท็กซี่ชนรถถังเพื่อประท้วงการทำรัฐประหารเมื่อปี 2549โดยกิจกรรมวันนี้ เพื่อประกาศต่อต้านการรัฐประหาร และเน้นย้ำว่า การรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 – 22 พฤษภาคม 2557 จนถึงการสืบทอดอำนาจโดย รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นเรื่องเดียวกัน สังคมไทยต้องตกอยู่ใต้ บทละครอัปยศนี้” เป็นเวลา 15 ปี แล้ว นั้น ทั้งนี้ เมื่อ เวลา 14.15 น. นายสมบัติ ได้เดินทางมาถึงบริเวณแยกอโศก ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงจุดประสงค์ของการชุมนุมในวันนี้ว่า การทำรัฐประหาร ทั้ง 2 เหตุการณ์ 19 กันยายน 2549 และ 22 พฤษภาคม 2557 รุนแรงขนาดที่คนหนุ่มสาว คิดอ่านจะย้ายประเทศ ได้เห็นทั้งผู้นำ รัฐธรรมนูญ กระบวนการบิดเบี้ยว เห็นการออกมาของคนหนุ่มสาวมากเป็นประวัติการณ์ เป็นความมืดมนของประเทศนายณัฐวุฒิ ย้ำว่า การจัดกิจกรรมครั้งนี้ เป็นการชุมนุมอย่างสงบ สันติ เป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ จากนั้นได้ขึ้นบนรถโมบายกล่าวว่ารัฐประหาร 2549 จนถึงวันนี้กว่า 15ปี เรามาเคลื่อนขบวน เพื่อต้องการประกาศให้รู้ว่า เผด็จการ2549 เผด็จการ2557 เป็นพวกเดียวกัน เป็นความเจ็บปวดของประชาชน โดยตลอดเส้นทางวันนี้ จะบอกทั้งพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน พล.อ.ประยุทธ์ และพวกเบื้องหน้า เบื้องหลัง ไม่ว่าจะใหญ่แค่ไหน แต่ประชาชนใหญ่กว่า ประยุทธ์ต้องออกจากตำหน่ง รอไม่ได้แม้แต่วันเดียว หากยังเพิกเฉยการต่อสู้ของเราจะเดินหน้าต่อไป วันนี้ครบ15ปีรัฐประหาร เรายังอยู่ ยังสู้ เพื่อให้พี่น้องที่ถูกฆ่า ที่หนี ที่ติดคุก ลี้ภัย ได้รู้ว่า หัวใจพวกเรายังสู้อยู่ เรายังมีกันและกัน คนตาย คนถูกขัง ลี้ภัย ไม่ได้อยู่เดียวดาย ยังมีผู้รักประชาธิปไตย ในแผ่นดิน เผด็จการอ้างว่ายึดอำนาจ เพื่อจะแก้ปัญหาประเทศ ช่วยประชาชนไม่เชื่อ ขึ้นชื่อว่า เผด็จการมีแต่จะปล้นประชาชน โรบินฮู้ดที่ปล้นคนรวยมาช่วยคนจนมันไม่มี“นายทหาร 3ป. อยู่ในกองทัพ มีบทบาทสำคัญตั้งต่ รัฐประหาร 2549 ต่อมาสมคบ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ยึดอำนาจ สืบทอดอำนาจ มีรัฐธรรมนูญ2560 ผูกขาดอำนาจ แล้วยังจะจะอยู่ต่อไปอีกหรือ เราไม่ได้เกลียดชังทหาร แต่เกลียดชังทหาร ที่ใช้กองทัพ ย่ำยี ประชาชน จะไม่ยินยอมอยู่ภายใต้อำนาจนี้

นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่าขอให้พี่น้องมองไปตลอดทาง จะมีเรื่องราวขับไล่ประยุทธ์ไปโดยตลอด เรามาที่นี่ เพื่อจะบอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง ไม่ว่าคุณจะใหญ่แค่ไหน แต่หัวใจประชาชนใหญ่กว่า วันนี้ ครบรอบ 15 ปี รัฐประหาร เราสู้ เรายังอยู่ เพื่อให้พี่น้องเราที่ถูกจับ อุ้มหาย ลี้ภัย ได้รู้ว่าหัวใจนี้ยังสู้อยู่ให้รู้ว่าเรายังมีกันและกัน คุณไม่ได้อยู่เดียวดาย

“ขึ้นชื่อว่ารัฐประหาร คือโจรปล้นอำนาจเท่านั้น ไม่ใช่ อย่างอื่น มีเรือดำน้ำเป็นอาหาร มีชาวบ้านเป็นศัตรู มีคู่ต่อสู้เป็นเยาวชน เราจะไม่ยินยอมอยู่ภายใต้อำนาจนี้ แม้ประกาศตัวเป็นรัฐบาล แต่คุณไม่เคยได้การยอมรับจากประชาชน ส่งเสียงออกไปให้เผด็จการได้รู้ ว่าเสียงคนเล็ก ๆ เมื่อรวมตัว ก็เสียงดัง”จากนั้น นายณัฐวุฒิได้กล่าวถึงลุงนวมทอง พร้อมถาม พล.อ.ประยุทธ์ว่า จำเขาได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้ จะขับรถยนต์ชนรถถังให้ดู ให้เผด็จการได้รู้ เมื่อวันข้างหน้า ชัยชนะเป็นของประชาขน รถถังที่ยึดอำนาจ จะเป็นเพียงเศษเหล็กในประวัติศาสตร์ หาได้ยิ่งใหญ่เหมือนนวมทอง ไพรวัลย์ ไม่ เราไม่ได้มารบกับทหาร เรามารบกับประยุทธ์ จันทร์โอชา และพวกเท่านั้น

จากนั้นนายณัฐวุฒิได้สวมเสื้อคนขับแท็กซี่ สวมจิตวิญญาณของนายนวมทอง ไพรวัลย์ ก่อนขึ้นรถแท็กซี่ ขับพุ่งชนรถถัง เพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ แล้วเดินไปขึ้นรถกระบะอีกคัน โดยโบกธงเป็นสัญลักษณ์เตรียมเคลื่อน ขับนำขบวนออกจากแยกอโศก ขณะที่ประชาชน รุมสกรัมซากรถถังกระจุย

ต่อมาเวลา 15.00 น. รถจักรยานยนต์เคลื่อนขบวนนำหน้า โบกธง #ไล่ประยุทธ์ ตามด้วยขบวนรถยนต์ ซึ่งขณะนั้นเริ่มมีฝนปรอยลงมาและตกลงอย่างหนัก ทำให้ผู้ชุมนุมบางส่วนเคลื่อนขบวนต่อ บางส่วนหยุดรถ หาที่หลบฝน โดยขบวนมุ่งหน้าถนนพระราม 4 เลี้ยวขวาที่แยกคลองเตย ขับตรงไปข้ามสะพานกรุงเทพ ขบวนวิ่งต่อ บน ถ.รัชดาภิเษก เข้าสู่ ถ.จรัญสนิทวงศ์ เลี้ยววนกลับมา ข้ามสะพานพระปิ่นเกล้า เพื่อไปจบกิจกรรมที่ “อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย”ถนนราชดำเนิน จะมีการแสดงกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ และจะประกาศยุติการชุมนุมเวลาประมาณ 18.00น.ด้านนายสมบัติ บุญงามอนงค์ กล่าวว่า รัฐประหารทั้ง 2 ครั้ง ถ้าตาไม่บอด หูหนวก จะเห็นว่า เป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ของประขาชนเองที่ไปเชียร์รัฐประหาร ดังนั้นเราจะต้องไม่ผิดพลาดแบบนั้นอีก นายสมบัติกล่าวเมื่อถูกถามว่า หากนากยกฯ อยู่ครบวาระ ประเทศจะเป็นอย่างไรต่อไป ? นายสมบัติกล่าวว่า เป็นได้ ที่ พล.อ.ประยุทธ์จะอยู่ครบวาระ เพราะอำนาจมีธรรมชาติอยู่อย่าง เหมือนยาเสพติด เอาเป็นว่า ต่อให้ประยุทธ์อยู่ในอำนาจต่อ ประเทศก็ถอยตามความสามารถ แต่ต่อให้มี 250 ส.ว. ประชาชนจะแสดงเจตจำนงชัดเจนกว่าที่ผ่านมา โอกาสเกิดอีก เป็นไปได้ยาก และตนเชื่อว่า จะไม่มี พล.อ.ประยุทธ์ในการเลือกตั้งครั้งหน้าการจะขับไล่ประยุทธ์ได้ ตนคิดว่า จะเกิดจาก ทั้งในและนอกสภา ไล่แบบไม่เลิกรา ประการที่ 2 เราเห็นรอยกรีดแตกของพรรคร่วมรัฐบาล ช่วงรอยแตกนั้น ถ้าชัดเจนกว่านี้ แม้ประยุทธ์ไม่อยากยุบสภา ลงจากอำนาจก็ยากที่จะอยู่ได้ และว่าในวันนี้ จะมีการทำกิจกรรม ขับรถยนต์ชนรถถังให้รอนายณัฐวุฒิมาถึง ซึ่งในเวลาต่อมา 14.25 น. ได้มีรถถังจำลองขนาดใหญ่ เข้ามาวางกลางแยกอโศก ต่อมาเวลา14.30 น. นายณัฐวุฒิ เดินทางมายังบริเวณที่จัดกิจกรรม พร้อมกับให้สัมภาษณ์ว่า การต่อสู้จะประเมินให้สอดคล้องกับสถานการณ์มากที่สุด ไม่ได้กดดันว่าจะต้องชนะวันนี้ พรุ่งนี้ อยากให้คณะรัฐประหารเห็นว่า ไม่ว่าคุณจะใหญ่ขนาดไหน แต่หัวใจประชาชนใหญ่กว่า

แม้การขับไล่พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ใช่เรื่องง่าย พล.อ.ประยุทธ์ มีอำนาจ มีโอกาสมากที่สุด อยู่ในตำแหน่งมานาน แต่กลับทำให้ประเทศถอยหลัง ข้ออ้างว่าจะปฏิรูประเทศ สร้างความปรองดอง ไม่มี ประเทศยังมีแต่ความขัดแย้ง อีกทั้งไม่อาจรับมือกับวิกฤติโควิด-19ได้ จึงเรียกร้องให้ ประยุทธ์ พอเสียที เมื่อทำอะไรไม่ได้ ควรคิดถึงหัวใจคนไทย ควรถอนตัวจากอำนาจ ถ้าไม่ตัดสินใจ เราจะต่อสู้ถึงที่สุด

ส่วนยุทธศาสตร์วันข้างหน้า ขอประเมินสถานการณ์จากวันนี้ก่อน เพราะโควิด-19 เป็นข้อจำกัดใหญ่ การจะเคลื่อนไหว ต่อสู้ โดยปฏิเสธความจริง ไม่ใช่ยุทธศาสตร์ที่ถูกต้อง สถานการณ์นี้ การชุมนุมมวลชนมากๆเหมือน พันธมิตรฯ เสื้อแดง กปปส. คงทำไม่ได้เหมือนในอดีต แต่อย่างไรก็ตามการเคลื่อนขบวนคาร์ม็อบครั้งนี้ ยังมีพี่น้องรออยู่ คงจะใหญ่กว่าการเคลื่อนเมื่อ 29 สิงหาคม นายณัฐวุฒิกล่าว