“ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” ประกาศ เคลื่อนขบวน “คาร์ม็อบ” ขับไล่ “บิ๊กตู่” พ้นเก้าอี้ นายกฯ ย้ำไม่ปะทะ ท่ามกลางมวลชน แห่ร่วมขบวนพรึบ ตั้งแต่แยกเกษตรฯ จนถึง ถนนนวมินทร์ ยาวกว่า 3 กม.
วันที่ 29 ส.ค.2564 เวลา 15.00 น. ที่ ถนนเกษตร-นวมินตร์ ขาออกมุ่งไปงามวงศ์วาน นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวก่อนเริ่มกิจกรรม CAR MOB CALL OUT ว่าเราต้องการรวมพลังประชาชนแสดงออกในกิจกรรมคาร์ม็อบ ซึ่งครั้งนี้เป็นการนัดหมายครั้งสำคัญ เพื่อประกาศการลงมติไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว. กลาโหม โดยประชาชน จากวันนี้จะมีการเคลื่อนไหวต่อเนื่องแล้วมีการนัดหมายแสดงพลังครั้งใหญ่ในไม่กี่วันข้างหน้า การอภิปรายในสภาเป็นบทบาท ส.ส. แต่สำหรับประชาชนคนส่วนใหญ่ของประเทศเชื่อว่าเราลงมติไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ไปแล้วก่อนหน้านี้ และมีการแสดงพลังให้ พล.อ.ประยุทธ์ และ ส.ส.ฝ่ายค้านและรัฐบาลตระหนัก ส.ส.ตัดสินใจเลือก พล.อ.ประยุทธ์ หรือ เลือกประชาชน เจ้าของประชาธิปไตยวันนี้เชื่อว่าขบวนคนเพิ่มจำนวนขึ้นจากครั้งที่แล้ว เราเพิ่มในเชิงคุณภาพต้องการพิสูจน์ เมื่อประชาชนเพิ่มขึ้น เราจะเดิมพันกับ พล.อ.ประยุทธ์ในการลงมติไม่ไว้วางใจ อย่างที่ได้เรียนไปแล้ว ตั้งแต่ พล.อ.ประยุทธ์เข้ามายึดอำนาจการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้สำคัญที่สุดทางการเมือง สถานการณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ขาดความชอบธรรมอย่างถึงที่สุด เป็นภาวะที่ประชาชนทั้งประเทศส่งเสียง ไม่รับอำนาจไม่รับการบริหารประเทศของ พล.อ.ประยุทธ์อีกต่อไป ดังนั้นแม้ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลจะสมประโยชน์ทางอำนาจทางการเมืองกันอยู่
แต่หากประชาชนร่วมกันแสดงพลังอย่างล้นหลาม เชื่อว่าผู้แทนราษฎรที่ต้องเดินกลับไปหาประชาชนต้องคิดให้มากเช่นเดียวกัน เมื่อประชาชนในทุกเขตเลือกตั้งปฏิเสธ พล.อ.ประยุทธ์ ส.ส.ที่หักน้ำใจประชาชนลงมติไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จะบากหน้ากลับไปหาประชาชนและอธิบายได้อย่างไร ดังนั้น สถานการณ์การเมืองช่วงหนึ่งถึงสองสัปดาห์จากนี้ไปถือเป็นช่วงเวลาสำคัญ เรามีแนวทางชัดเจน ไม่ลุย ไม่บวก ไม่ปะทะ แต่จะไม่ลดละการขับไล่ และจะมีการนัดหมายการชุมนุมใหญ่อีกครั้ง ส่วนวัน เวลา สถานที่ และรูปแบบ ขออธิบายความหลังจากนี้ เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน วันนี้อยากให้เนื้อหาสาระ พลังจากคาร์ม็อบส่งไปยังประชาชนตามคาดหวังก่อนสถานการณ์ทางการเมืองเดินมาถึงในรัฐสภา มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ลงมติ ส.ส.ให้ พล.อ.ประยุทธ์อยู่ต่อหรือไม่ ถือว่าสถานการณ์ในและนอกสภามาบรรจบพบกันในสัปดาห์หน้า เป็นสถานการณ์ใหญ่ต้องจับตามอง ตนขอแสดงความหวังให้ พล.อ.ประยุทธ์รับฟังเสียงประชาชน ทบทวนเหตุการณ์ที่ผ่านมา และยอมรับเสียที่ว่าหมดเวลาแล้ว ไม่มีศักยภาพขีดความสามารถพอที่จะรับมือวิกฤตนี้ได้ การประกาศสู้ต่ออยู่บนความบาดเจ็บล้มตายเสียหายของประชาชน ซึ่งไม่เคยแสดงความรับผิดชอบใดๆ จนประชาชนต้องมาเรียกร้องให้แสดงความรับผิดชอบออกมาโดยเร็วที่สุด
สังคมเห็นชัดแล้วว่าแนวทางของเรามีแนวทางการต่อสู้ป้องกันการเผชิญหน้า หลีกเลี่ยงความรุนแรง ดังนั้น สถานการณ์ที่นอกเหนือเส้นทาง เป็นวาระกลุ่มต่างๆ ที่แสดงการต่อสู้ ตนไม่สามารถไปทักท้วงใดๆ แต่ขอห่วงใย ปรารถนาดีทุกกลุ่มว่าให้คำนึงความปลอดภัยตนเองและส่วนอื่นๆ คำนึงเหตุผล ประโยชน์แท้จริงของการต่อสู่ จะเลือกแนวทางใดขอให้พิจารณากันอย่างรอบคอบ ส่วนขบวนเราจะเกิดขึ้นจบลงตามเป้าหมาย ไม่มีนอกเกม ไม่มีการสุ่มเสี่ยงความวุ่นวาย ประสานตำรวจอย่างต่อเนื่อง โดยเรามีเจตนาเปิดเผยต่อกัน ในการอำนวยความสะดวกประชาชน เราจะขับไล่นายกฯ อย่างสงบ สันติ ซึ่งกิจกรรมของเราที่จะจบลงในเวลา 18.00 น. จะปราศจากอาวุธ และเดินไปราบรื่นตามวัตถุประสงค์“เราไม่จำเป็นต้องมีพลังใดๆ มากกว่านี้ ถ้า พล.อ.ประยุทธ์รู้จักประเมินตัวเอง หากยังเพิกเฉยดื้อด้านจะมีการเคลื่อนไหว และเรียกร้องพลังประชาชนออกมาแสดงพลัง ส่งเสียงให้ทุกอย่าง โดยเชื่อว่าไม่ต้องสร้างความรุนแรงใดๆ ก็ผลักดัน พล.อ.ประยุทธ์ออกไปได้ ตนขอท้าทาย หัวใจ ส.ส.ฝ่ายค้านและรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เมื่อประชาชนตายเกินหมื่น ป่วยเกินล้าน พินาศวอดวาย หากยังยกมือไว้วางใจก็ให้รู้กันไป” นายณัฐวุฒิ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้มีคนมาร่วมกิจกรรมจำนวนมาก มีรถมาจอดทำกิจกรรมยาวจากอุโมงค์เกษตร ยาวเลยแยกลาดปลาเค้าไปไม่ต่ำกว่าแยกอเวนิวเกษตร-นวมินทร์ ซึ่งถัดไป 2 แยกขบวนยาวไม่ต่ำกว่า 3 กิโลเมตรเป็นอย่างน้อย โดยมีการติดป้ายปักธงในรถที่มาร่วมกิจกรรม สำหรับเส้นทางกิจกรรมครั้งนี้มีระยะทางไกล รวม 50 กิโลเมตร เชื่อมต่อกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ในพื้นที่ 3 จังหวัด โดยจะใช้เส้นทางเริ่มจากแยกเกษตร หัวขบวนมุ่งหน้าถนนวิภาวดี เคลื่อนขบวนลอดใต้อุโมงค์เกษตร ผ่านหน้า ม.เกษตรศาสตร์ ข้ามสะพานถนนวิภาวดี ข้ามสะพานแยกพงษ์เพชร ข้ามสะพานแยกแคราย มุ่งสู่ถนนรัตนาธิเบศร์ ข้ามสะพานพระนั่งเกล้า (ใหม่) ผ่านแยกท่าอิฐ ขึ้นสะพานยกระดับวนขวาไปทางถนนราชพฤกษ์จากนั้นขึ้นสะพานยกระดับวนขวาเข้าถนนชัยพฤกษ์ มุ่งหน้าไปทางปากเกร็ด ขึ้นสะพานพระรามสี่ เข้าห้าแยกปากเกร็ดเลี้ยวซ้าย เข้าถนนติวานนท์ ก่อนมุ่งหน้าไปทางปทุมธานี และไปสุดทางที่ลานเทพปทุม ริมแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณหน้าศาลากลางหลังเก่า จ.ปทุมธานี และจะมีการปราศรัยปิดท้ายกิจกรรมด้วย โดยการชุมนุมในครั้งนี้มีหลายกลุ่มที่ให้ความสนใจเข้าร่วม เช่น กลุ่มทะลุฟ้า กลุ่มอาชีวะพิทักษ์ประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กลุ่มทะลุแก๊ซ
โดยก่อนที่กิจกรรมจะเริ่ม มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาในพื้นที่และพยายามประกาศข้อกฎหมาย นายณัฐวุฒิจึงได้ไปดูแลสถานการณ์ตรงนั้น ก่อนจะประกาศขอให้ผู้ชุมนุมเคลื่อนขบวนโดยสงบ และพลังบริสุทธิ์จากประชาชนเท่านั้นที่จะขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ ออกจากตำแหน่งนายกฯได้ โดยกิจกรรมครั้งนี้มีแกนนำคนสำคัญเข้าร่วมด้วย ได้แก่ นายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย หรือไฮโซลูกนัท และนายวรชัย เหมมะ แกนนำ นปช. โดยก่อนเคลื่อนขบวนมีการจุดควันสีเหลืองและสีฟ้าเป็นสีสัน ก่อนที่จะประกาศเคลื่อนขบวนในเวลา 15.00 น.