ถึงแม้ว่าสถานการณ์แพร่ระบาดของ เชื้อมฤตยูโควิด-19 ยังอยู่ภาวะวิกฤต ซึ่ง ผู้สันทัดกรณีในวงการสาธารณสุข ถึงกับระบุว่า เป็นการแพร่ระบาด “ระลอกสี่”
แต่จู่ ๆ กลับมีกระแสข่าว ทำให้วงการเมืองไทย ต้องจับตามอง เมื่อ “พี่โทนี” หรือ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ประกาศ ก้องกลางวงสนทนา Care Clubhouse ว่าจะกลับประเทศไทยแน่ แต่จะเป็นเมื่อไร “ทักษิณ” ไม่ได้ตอบชัดเจน เพียงแค่ระบุว่า “เมื่อไรแล้วจะบอก”
อย่างไรก็ตาม กระแสดังกล่าว ทำให้ อุณหภูมิการเมืองไทย ร้อนแรงขึ้นมาทันตา ที่ผ่านมา แม้ ทักษิณ ชินวัตร จะเคยพูดหลายครั้ง ถึงการกลับประเทศ แต่ที่สุดเขาก็ยังกลับไม่ได้สักที หลังจากที่เคยกลับมา กราบแผ่นดิน เมื่อ 28 ก.พ. 2551 ครั้งแรก หลังจากที่ถูกรัฐประหาร 19 ก.ย. 2549
โดยได้เข้ามอบตัว ที่ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในคดีทุจริตจัดซื้อที่ดินย่านรัชดาภิเษก ซึ่ง ศาลอนุมัติให้ประกันตัว แต่ที่สุด ทักษิณ ขออนุญาตศาลฎีกาฯ เดินทางออกนอกประเทศ เมื่อ 31 ก.ค. – 10 ส.ค. 2551 ไปจีนและญี่ปุ่น แต่ที่สุดทักษิณ ก็ไม่ได้กลับมา และ ไม่ได้กลับมา ประเทศไทยอีกเลย
จากวันนั้น สู่วันนี้ 14 ปีแล้ว และ แม้ครั้งนี้จะถูกมองว่าเป็น แค่ความฝันความหวัง เป็นการทำปฏิบัติการจิตวิทยา กับ ฝ่ายตรงข้าม แต่จังหวะ ห้วงเวลา การพูด “กลับแน่” ของทักษิณ กำลังถูกจับตามองว่า มีนัยสำคัญ
เพราะเป็นการพูดหลังจากที่ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พี่ใหญ่ 3ป. ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดประตู การจับมือระหว่าง พปชร.และ พรรคเพื่อไทย (พท.)
หลังจาก พท. และ พปชร. เห็นพ้อง แก้รัฐธรรมนูญให้ใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบที่จะทำให้ทั้ง 2 พรรคใหญ่ได้เปรียบในการเลือกตั้ง ในเรื่องของการนับคะแนน
“บิ๊กป้อม” ปฏิเสธที่จะตอบคำถามที่ว่าในอนาคต พปชร. และ พท.จะร่วมรัฐบาลกันได้หรือไม่ ว่าไม่รู้เพราะเป็นเรื่องในอนาคต ยังไม่ได้คิดอะไร
กรณีดังกล่าว ถูกตั้งข้อสังเกตว่า พล.อ.ประวิตร ควรจะตอบว่า “เป็นไปไม่ได้” หรือ “ไม่มีทาง” เพราะ อยู่กันคนละขั้ว แต่กลับใช้สไตล์การตอบว่า “ไม่รู้” ด้วยเพราะตอนนี้ “บิ๊กป้อม” เป็นนักการเมืองไปแล้ว และ ในทางการเมืองรู้กันดีว่า ไม่มีมิตรแท้ และศัตรูถาวร
ที่สำคัญ ต้องไม่ลืมว่า พล.อ.ประวิตร มีสายสัมพันธ์ กับฝั่ง พท.และคนรอบตัวของ ทักษิณ โดยเฉพาะกับบ้าน จันทร์ส่องหล้า ของ “คุณหญิงอ้อ” พจมาน ดามาพงศ์
ที่พล.อ.ประวิตร ให้ความเคารพมายาวนาน และ มีบุญคุณ เคยช่วยเหลือกัน เมื่อครั้ง หนหลัง
เพราะ”คุณหญิงอ้อ” คือคนสำคัญ ที่เจรจา และ ทำให้ ทักษิณ เมื่อครั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ยอมให้พล.อ.ประวิตร ขึ้นเป็นผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ก่อนที่จะนั่ง เก้าอี้ รมว.กลาโหม มาอย่างยาวนาน ในเวลาต่อมา
ตบท้าย ด้วยการมองไกล เมื่อ ร่าง พรบ.งบประมาณ 65 ผ่านขั้นตอนใน รัฐสภา รวมทั้ง สามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญ “ฉบับอัปลักษณ์” ปี 2560 ของ”ซือแป๋” มีชัย ฤชุพันธ์ ดำเนินการได้สำเร็จ
เมื่อนั้น ย่อมสอดคล้องกับความต้องการของ “พปชร.-พท.-ปชป.” ในฐานะพรรคใหญ่ ซึ่งจะทำให้ พรรคการเมือง ขนาดเล็ก หายสาบสูญ จาก กฎเลือกตั้งที่ให้มี บัตรเลือกตั้ง2ใบ คือ “สส.เขต” และ “ปาร์ตี้ลิตส์”
และ เมื่อถึงเวลานั้น จะมีการ”ยุบสภา” เลือกตั้งใหม่ทันที !