เป้าหมายการขึ้นสู่ตำแหน่งเลขาธิการพรรคของ “ผู้กองธรรมนัส” หรือ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เว่ากันว่า ป็นเพียงบันไดขั้นแรกเท่านั้น เพราะเป้าหมายถัดไป ที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น คือการขยับเลื่อนชั้น นั่งเก้าอี้ รัฐมนตรีว่าการอย่างเต็มตัว
ที่ผ่านมาต้องยอมรับความจริงว่า “บิ๊กตู่” ไม่ค่อยจะพอใจ รอ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เท่าใดนัก เพราะจากประวัติสีเทา ทั้ง เคยต้องโทษในคดีค้ายาเสพติด ที่ประเทศออสเตรเลีย และ ภาพลักษณ์เจ้าของฉายา “ผู้กองตุ๋ย” ในอดีต
ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จึง เลือกที่ จะแช่แข็ง ร.อ.ธรรมนัส ไม่ให้มีอำนาจมาก แต่ด้วยความจำเป็น ในฐานะที่ รอ.ธรรมนัส มีเครือข่ายที่ กล้าแข็ง มีฐานเสียงสนับสุน ค้ำจุน รัฐบาล ให้มีเสถียรภาพ จึงต้องจำยอม เอาหูไปนา เอาตาไปไร่
แต่กระนั้น ก็ตามที มีเสียงสะท้อนจากกลุ่มก๊วนของ ร.อ.ธรรมนัส ให้ได้ยินทำนองไม่ค่อยพอใจ นายกฯ ที่ไม่รับฟังความต้องการของ ส.ส.ในพรรค พปชร.เท่าที่ควร จนเรื่องนี้ถูกขยายความพูดต่อๆ กันไปในวงของพรรคฝ่ายค้าน
โดยเฉพาะ คนของพรรคเพื่อไทย ที่มีความสัมพันธ์อันดีกับหลายคนในกลุ่ม ร.อ.ธรรมนัส เอามาเล่ากันอย่างสนุกสนานว่า ส.ส.พลังประชารัฐ บางส่วนรู้สึกดีกับ พล.อ.ประวิตร เพราะดูแลลูกพรรคดี ทั่วถึง และคอยช่วยแก้ปัญหาให้ตลอด ต่างกับ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ส.ส.พลังประชารัฐ บางส่วนดูจะไม่ค่อยให้การยอมรับเหมือน พล.อ.ประวิตร อาจเพราะวางตัวห่างเหิน จนเข้าไม่ถึงความผูกพันแน่นแฟ้นจึงไม่เกิดขึ้น
เช่นเดียวกับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ที่อยู่ในตำแหน่ง รมว.มหาดไทย ยาวนาน ทั้งที่เวลานี้เป็นเวลาของฝ่ายการเมือง มีการเลือกตั้ง แต่ก็ยังได้เป็นเสนาบดีด้วยโควตานายกฯ
ทำให้คนในพลังประชารัฐ ได้แต่มองตาปริบๆ เพราะแทนที่เก้าอี้ มท.1 จะเป็นโควตาของพรรค แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น อีกทั้ง พล.อ.อนุพงษ์ เอง ก็วางตัวเหนือการเมือง คนในพลังประชารัฐแทบจะไม่ได้รับการตอบสนองใดๆ ตามที่ร้องขอ
หากแต่ พล.อ.อนุพงษ์ ที่ทำงานในสไตล์ของตัวเอง มองคนละอย่างกับนักการเมือง จึงสร้างความไม่พอใจให้คนในพลังประชารัฐจำนวนไม่น้อยมาตั้งแต่ต้น
ถ้าจำกันได้ เมื่อครั้งปรับ ครม.ที่ผ่านๆ มา มีการโยนหินถามทาง เรื่องสูตรการโยกพล.อ.ประวิตร ไปนั่ง มท.1 คุมมหาดไทย โดยมี ร.อ.ธรรมนัส ไปเป็น มท.2 เพื่อขยายฐานทางการเมือง และไม่ต้องสงสัยว่าสูตรดังกล่าว มีที่มาที่ไปอย่างไร
เรื่องนี้เป็นความต้องการของกลุ่มก๊วนในพลังประชารัฐ ที่มองว่า ถ้าได้โมเดลในฝันพล.อ.ประวิตร และ ร.อ.ธรรมนัส คุมกลไกมหาดไทย จะเป็นประโยชน์อย่างมหาศาลกับส.ส.ของพรรค ในการขยายฐานเสียง ถึงตอนนี้ เก้าอี้เลขาธิการพรรคก็ได้เป็นของ ร.อ.ธรรมนัส ชนิดนอนมา
จากนี้ก็น่าสนใจในจังหวะก้าวต่อไปของ ร.อ.ธรรมนัส ที่หมายตา เก้าอี้รัฐมนตรีว่า การเป็นสเต็ปต่อไป ว่ากันว่ากระทรวงมหาดไทย คือเป้าหมายหลัก แต่จะทำอย่างไรในเมื่อ พล.อ.อนุพงษ์ ยังไม่มีทีท่าจะยอมลุกออกจากเก้าอี้นี้
แรงกระเพื่อมต่อไปอาจได้เห็นเกมการเมืองในพลังประชารัฐ เมื่อหลายคน หลายกลุ่มได้อำนาจและอาจผนึกกันจนคุมทิศทางพรรคได้เบ็ดเสร็จ ดังนั้นการท้าทายอำนาจ “พี่น้อง 3 ป.” ที่กุมอำนาจปรับ ครม.ในมือ อาจกลายเป็นปรากฏการณ์ที่ได้เห็นในอีกไม่นานนี้ เมื่อถึงตอนนั้น
“บิ๊กตู่” หรือ ป. “ประยุทธ์” มีทางเลือกเพียงสองทาง คือ 1.ประเดคนเก้าอี้ มท.1 ให้ รอ.ธรรมนัส พรหมเผ่า หรือไม่ ก็ เทกระจาดล้างบาง ขั้วการเมืองทุกฝ่าย ด้วยการ”ยุบสภา” เท่านั้น