ปิดฉาก!! มหากาพย์13ปี คดีฝายแม้ว ปปช. ชี้ “เจ๊เป้า” รอดหลักฐานโยงไม่ถึง

341

ป.ป.ช. ปิดฉากมหากาพย์ 13 ปี “คดีฝายแม้ว” หรือ โครงการอนุรักษ์ทรัพยากรดินและป่าไม้ในพื้นที่ป่า วงเงิน 770 ล้านบาท โดย จนท.ถูกชี้มูลความผิด กราวรูด ขณะที่ “อนงค์วรรณ” เมีย รมว.ยุติธรรมรอด อ้างหลักฐานสาวไม่ถึง

วันที่ 27 พ.ค.64 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แจ้งว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่มี พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานคณะกรรมการ ป.ป.ช. เป็นประธาน ได้พิจารณาข้อกล่าวหา “เจ๊เป้า” หรือ นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน ภรรยานายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กับพวก ทุจริตโครงการฝายแม้ว 770 ล้านบาทโดยที่ประชุมมีมติชี้มูลความผิดเจ้าหน้าที่หลายราย เป็นระดับผู้อำนวยการสำนักงานบริหารพื้นที่อนุรักษ์ มีทั้งเจ้าพนักงานป่าไม้ชำนาญงาน นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการ เจ้าพนักงานป่าไม้อาวุโส ขณะที่ข้อกล่าวหาของนางอนงค์วรรณ ซึ่งถูกกล่าวหาว่า กำกับดูแลการดำเนินการโครงไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ ไม่มีคุณภาพ มีการแบ่งสรรปันส่วนงบประมาณให้แต่ละฝายไม่เท่ากัน รวมถึงมีการหักหัวคิวนั้น ที่ประชุม ป.ป.ช.พิจารณาแล้วเห็นว่าพยานหลักฐานน้อย และพยานหลักฐานไม่มั่นคง จึงไม่สามารถเอาผิดได้ จึงมีมติ 6 ต่อ 3 ให้ยกคำร้อง

สำหรับโครงการดังกล่าวเริ่มต้นในปีงบประมาณ 2551 ต่อมามีการร้องเรียนมายัง ป.ป.ช. และคณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้ตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อกล่าวหานางอนงค์วรรณ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและแวดล้อม กับพวก กระทำความผิดฐานทุจริตต่อตำแหน่งหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการในการดำเนินโครงการอนุรักษ์ทรัพยากรดินและป่าไม้ในพื้นที่ป่าอนุรักษ์เพื่อลดผลกระทบจากภาวะวิกฤตโลกร้อน วงเงินงบประมาณของปี 2551 จำนวน 770 ล้านบาท กรณีการก่อสร้างฝายต้นน้ำแบบผสมผสาน และการเพาะชำ/ปลูกหญ้าแฝก (ฝายแม้ว) โดยมิชอบ และหักเงินโครงการดังกล่าวเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองและผู้อื่น ทำให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ

ที่ผ่านมาคณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้พิจารณาเอกสารหลักฐานและสำนวนการสอบสวนคดีนี้ที่มีอยู่กว่าแสนแผ่น อีกทั้งได้สอบปากคำเจ้าหน้าที่ป่าไม้และอุทยานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวกว่า 500 ปาก โดยมีเจ้าหน้าที่กว่า 400 ปาก ที่แจ้งความประสงค์ระหว่างให้ถ้อยคำต่อ ป.ป.ช.ขอให้กันเป็นพยาน กระทั่งคณะอนุกรรมการไต่สวนได้สรุปสำนวนและเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ในวันที่ 27 พ.ค. ทั้งนี้ คดีดังกล่าวใช้เวลาใช้เวลายาวนานถึง 13 ปี ถือเป็นคดีมหากาพย์ที่สำคัญอีกคดีหนึ่งของ ป.ป.ช.