จัดพิธีศพ !! เจ้าชายฟิลิป 17 เม.ย.”เจ้าชายแฮร์รี” เข้าร่วม แต่เมแกนไม่ได้มาด้วย

พิธีศพของเจ้าชายฟิลิป พระสวามีในสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ซึ่งสิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 9 เม.ย. ขณะมีพระชนมายุ 99 พรรษา จะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า จากการเปิดเผยของพระราชวังบัคกิงแฮมในวันเสาร์ (10 เม.ย.) ในพิธีที่ถูกลดระดับลงสืบเนื่องจากข้อจำกัดสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ โดยเจ้าชายแฮร์รีจะเสด็จกลับมาร่วมงาน แต่ไม่มี เมแกน มาร์เคิล เดินทางมาด้วย เนื่องจากเหตุผลด้านการแพทย์

คำแถลงมีขึ้นในขณะที่เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ พระชนมายุ 72 พรรษา พระโอรสองค์โตของเจ้าชายฟิลิป และสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ทรงเชิดชูพระบิดาอันเป็นที่รักยิ่ง ตรัสว่าพระองค์และเหล่าพระบรมวงศานุวงศ์จะคิดถึงเจ้าชายฟิลิปอย่างที่สุด ดยุคแห่งเอดินบะระ พระสวามีในสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 สิ้นพระชนม์อย่างสงบเมื่อวันศุกร์ (9 เม.ย.) ไม่ถึง 2 เดือน ก่อนมีพระชนมายุครบ 100 พรรษา และทางสหราชอาณาจักรประกาศไว้อาลัยทั่วประเทศเป็นเวลา 8 วัน

เจ้าหน้าที่พระราชวังเปิดเผยว่าพิธีศพของพระองค์ ซึ่งจะมีการถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์ จะมีขึ้นในเวลา 14.00 จีเอ็มทีของวันเสาร์ที่ 17 เมษายน (ตรงกับเมืองไทย 21.00 น.) ณ โบสถ์เซนต์จอร์จ ปราสาทวินด์เซอร์ ทางตะวันตกของลอนดอน โดยจะเริ่มจากการสงบนิ่งไว้อาลัยทั่วประเทศเป็นเวลา 1 นาที ด้วยกรอบคำแนะนำของรัฐบาลจำกัดผู้ร่วมไว้ทุกข์เพียง 30 คน ดังนั้นรายชื่อแขกได้รับเชิญเข้าร่วมใกล้ชิดในพิธีศพของเจ้าชายฟิลิปจึงถูกตัดให้สั้นลง ดังนั้นจึงมีคำถามว่าเจ้าชายแฮร์รี พระนัดดา ของดยุคแห่งเอดินบะระ จะเข้าร่วมพิธีศพหรือไม่

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดทางสำนักพระราชวังยืนยันแล้วว่า เจ้าชายแฮร์รีจะเข้าร่วม แต่ไม่มี เมแกน เดินทางมาด้วย เนื่องจากพระองค์ทรงตั้งครรภ์ทายาทองค์ที่ 2 ซึ่งได้รับคำแนะนำด้านการแพทย์ว่าไม่ควรเดินทางมาจากสหรัฐฯในเหตุผลด้านการแพทย์ ทั้งสองพระองค์ ซึ่งถอนตัวจากจากการปฏิบัติพระกรณียกิจของวังเมื่อปีที่แล้ว ทรงให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนโจมตีพระบรมวงศานุวงศ์ต่างๆนานา ในนั้นรวมถึงกล่าวหาเหยียดผิว และไม่เคยช่วยเหลือให้คำปรึกษาด้านสุขภาพจิตแก่เมแกน

ทำเนียบนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน จะไม่เข้าร่วมพิธศพของเจ้าชายฟิลิป สืบเนื่องจากข้อจำกัดโควิด-19 “ท่านนายกรัฐมนตรีต้องการดำเนินการให้สอดคล้องกับสิ่งที่เป็นประโยชน์สูงสุดสำหรับพระบรมวงศานุวงศ์ และเพื่อเปิดทางให้สมาชิกพระบรมวงศานุวงศ์เข้าร่วมพิธีให้ได้มากที่สุด ท่านจึงไม่เข้าร่วมพิธีในวันเสาร์” ก่อนหน้านี้เสียงปืนยิงสลุตดังกึกก้องทั่วสหราชอาณาจักรในวันเสาร์ (10 เม.ย.) โดยกองทัพจัดพิธียิงสลุตเพื่อถวายอาลัยเจ้าชายฟิลิป

กระสุนปืน 41 นัดสำหรับถวายอาลัยอดีตผู้บัญชาการกองทัพเรือ ถูกยิงออกมาในอัตรา 1 นาที ต่อ 1 นัด ตั้งแต่ 12.00 น.ตามเวลาท้องถิ่นของวันเสาร์ (ตรงกับเมืองไทย 18.00 น.) ทั้งในลอนดอน เอดินบะระ คาร์ดิฟฟ์ และเบลฟาสต์ เช่นเดียวกับตามฐานทัพเรือต่างๆ จากกองเรือที่อยู่ในทะเล และในยิลรอลตาร์ ดินแดนของสหราชอาณาจักร

นอกจากนี้แล้วการยิงสลุตแบบเดียวกัน ยังมีขึ้นในแคนเบอร์ราและเวลลิงตัน เนื่่องจากสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2ทรงอยู่ในฐานะประมุขแห่งรัฐของออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ กิจกรรมกีฬาต่างๆ ในนั้นรวมถึงฟุตบอลพรีเมียร์ลีก กีฬาคริกเกตและการแข่งม้า จะมีการยืนสงบนิ่ง ส่วนหนึ่งในการไว้อาลัยทั่วโลก ระลึกถึงการสิ้นพระชนม์ของเจ้าชายฟิลิป ระหว่างช่วงเวลาไว้อาลัยทั่วประเทศ

ธงชาติที่อยู่ตามอาคารราชการถูกลดลงมาครรึ่งเสา และจะมีการลดธงครึ่งเสาไปจนถึงเช้าวันพิธีศพของเจ้าชายฟิลิป พิธีศพของเจ้าชายฟิลิปถูกจัดขึ้นอย่างเร่งรีบและลดระดับลง สืบเนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งมีจำกัดจำนวนผู้คนที่เข้าร่วมกิจกรรมสาธารณะต่างๆนานา

รัฐสภาจะมีการเรียกประชุมในวันจันทร์ (12 เม.ย.) เพื่อให้สมาชิกรัฐสภาไว้อาลัย แต่ไม่มีการตั้งพระศพ (lie-in-state) ให้สาธารณชนเข้าร่วมถวายความอาลัย รวมถึงไม่มีขบวนทหารกองเกียรติยศ

สืบเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 สำนักพระราชวังอังกฤษได้ขอความร่วมมือประชาชนงดวางช่อดอกไม้และจุดเทียนที่บริเวณรั้วของพระราชวังบักกิงแฮมและตามพระตำหนักทุกแห่งทั่วประเทศ โดยผู้ที่ต้องการร่วมถวายความอาลัยสามารถลงชื่อได้ผ่านเว็บไซต์ของสำนักพระราชวังบักกิงแฮม และอาจบริจาคเงินช่วยเหลือมูลนิธิต่างๆ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล

ขณะเดียวกัน บรรดานักการเมืองและผู้นำทางความเชื่อในสหราชอาณาจักร และผู้นำรัฐบาลทั่วโลกได้ ในนั้นรวมถึงจากสหรัฐฯ ยุโรปและบรรดาประเทศเครือจักรภาพ ทั้งออสเตรเลีย แคนาดา อินเดีย นิวซีแลนด์และปากีสถาน ร่วมถวายความอาลัยต่อการสิ้นพระชนม์ของเจ้าชายฟิลิป เช่นเดียวกับสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ส่วนนายกรัฐมนตรี บอริส จอห์นสัน แห่งอังกฤษได้กล่าวสดุดี “การใช้ชีวิตและพระราชกรณียกิจต่างๆ ที่มีความโดดเด่นเหนือผู้คนทั่วไป” และการที่พระองค์ “ทรงได้รับความเคารพรักจากประชาชนทุกช่วงวัย” ทั้งในอังกฤษ, เครือจักรภพ รวมถึงในระดับนานาชาติ

เจ้าชายฟิลิป ทรงล้มป่วยมาสักพักหนึ่งแล้ว และใช้เวลาในโรงพยาบาลนานกว่า 1 เดือน ตั้งแต่วันที่ 16 กุมภาพันธ์ รักษาอาการติดเชื้อ-สังเกตโรคพระหทัย แม้ยังดูเปราะบาง แต่พระองค์เสด็จฯออกจากโรงพยาบาลในวันที่ 16 มีนาคม เพิ่มความหวังว่าพระองค์ฟื้นตัวแล้ว อย่างไรก็ตาม สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ทรงแถลงการสิ้นพระชนม์ของดยุคแห่งเอดินบะระเมื่อวันศุกร์ (9 เม.ย.) ระบุนับเป็นความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของพระองค์ ซึ่งเคยตรัสถึงพระสวามีผู้ทรงเป็นที่รักยิ่งว่า “ทรงเป็นพลังอันแข็งแกร่งที่ช่วยให้ข้าพเจ้ายืนหยัดอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้”