ฮันนาห์ บีช ผู้สื่อข่าวของนิวยอร์ก ไทม์ส ได้สัมภาษณ์ทหารเมียนมา 4 นาย โดย 2 นาย เป็นทหารที่หนีทัพเพราะทนรับคำสั่งฆ่าประชาชนไม่ไหว กับอีก 2 นาย ยังอยู่ในกองทัพ แต่ไม่กล้าเปิดเผยตัว
พวกเขาได้พูดตรงกันถึงชีวิตในกองทัพอันน่าสะพรึง และการหันปากกระบอกปืนใส่พลเรือนว่า ทัดมาดอว์เป็นโลกเพียงใบเดียวของทหารส่วนใหญ่
อดีตร้อยเอกแห่งหน่วยรบพิเศษจากกองพลทหารราบเบาที่ 77 ที่หนีทัพและกำลังซ่อนตัวอยู่ บอกว่า เขารักกองทัพมาก แต่ข้อความที่เขาอยากทิ้งไว้ให้เพื่อนทหารก็คือ “ถ้าพวกคุณกำลังเลือกระหว่างประเทศกับกองทัพโปรดเลือกประเทศ”
ทัดมาดอว์มีกองกำลังราว 5 แสนนาย และมักถูกเรียกว่า เป็นนักรบหุ่นยนต์ที่ถูกเพาะพันธุ์มาเพื่อสังหาร รายงานของสหประชาชาติ ระบุว่า เมื่อวันที่ 27 มีนาคม ซึ่งเป็นวันกองทัพ เป็นวันนองเลือดที่สุดนับตั้งแต่เกิดรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ จากการที่มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 140 คน ในจำนวนนี้เป็นเด็ก 7 คน รวมทั้งเด็กวัย 13 ปี 2 คน และวัย 5 ขวบ 1 คน
ทหารทั้ง 4 นาย พูดตรงกันว่า นับตั้งแต่เข้าเป็นทหารทัดมาดอว์ พวกเขาถูกสอนให้เป็นผู้ “พิทักษ์” ประเทศและศาสนา ที่จะอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีพวกเขา พวกเขาอยู่ในสังคมของอภิสิทธิ์ชน เป็นรัฐซ้อนรัฐ ใช้ชีวิต ทำงานอยู่ในสังคมทหารแยกจากสังคมประชากรที่เหลือ ถูกปลูกฝังให้มีทัศนคติว่ามีสถานะทางสังคมสูงส่งกว่าประชาชนทั่วไป แต่จะถูกผู้บังคับบัญชาสอดส่อง ทั้งในค่ายและบนเฟซบุ๊ก ซึ่งการถูกฝังหัวด้วยโฆษณาชวนเชื่ออย่างต่อเนื่อง ทำให้พวกเขามองเห็นแต่ศัตรูทุกหัวมุมและตามท้องถนนในเมือง
โลกของทัดมาดอว์ ทำให้ทหารมีโลกทัศน์คับแคบ รับคำสั่งฆ่าประชาชนมือเปล่าได้โดยไม่ต้องตั้งคำถาม นายทหารยศร้อยเอกที่จบการศึกษาจากสถาบันการศึกษาของนายทหารเมียนมา บอกว่า ทหารในกองทัพถูกล้างสมอง พวกเขามองผู้ชุมนุมเทียบเท่ากับอาชญากร เพราะมีการปลูกฝังกันมาว่า คนที่ไม่ยอมรับคำสั่งหรือมีท่าทีต่อต้านทหาร คือ อาชญากร
พวกนายทหารส่วนใหญ่กับครอบครัวจะอยู่กันในอาณาบริเวณของทหาร และถูกจับตาทุกการเคลื่อนไหว นับตั้งแต่เกิดรัฐประหาร ส่วนใหญ่ไม่สามารถออกจากที่พักอาศัยได้เกินกว่า 15 นาที โดยไม่ได้รับอนุญาต ร้อยเอกที่หนีทัพ เรียกว่าเป็น “ทาสสมัยใหม่” ต้องทำตามทุกคำสั่งของผู้บังคับบัญชา ไม่สามารถตั้งคำถามได้ว่า “ชอบธรรมหรือไม่”