“เต้น”ประกาศอิสรภาพ!! ไม่เสียใจที่เลือกเดินสายนี้ ยังไม่ร่วม”จตุพร”ก่อม็อบไล่บิ๊กตู่

109

“ณัฐวุฒิ” พร้อม “ธิดา-เหวง-ก่อแก้ว” ร่วมแถลงข่าว หลังหมดโทษ ได้รับอิสรภาพสมบูรณ์ ลั่น ไม่เสียใจที่เลือกเดินทางสายนี้ พร้อมระบุยังไม่ร่วม “จตุพร” เคลื่อนไหว4 เม.ย. เรียกร้อง ผู้มีอำนาจ คืนอิสรภาพให้ เยาวชนที่อยู่ในเรือนจำ

วันที่30 มี.ค.64 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ พร้อมด้วย นางธิดา ถาวรเศรษฐ นพ.เหวง โตจิราการ นายก่อแก้ว พิกุลทอง แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ร่วมแถลงข่าว ภายหลังนายณัฐวุฒิ พ้นโทษ และครบกำหนดไม่ต้องสวมกำไลอีเอ็มอีกต่อไป โดย แถลงว่า ตนปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ รวมถึงปฏิบัติตามที่กรมคุมประพฤติกำหนด จนคืนสู่อิสรภาพ เมื่อวันที่ 29 มีนาคม ดังนั้นสถานะการเมืองของตนไม่สามารถลงสมัครรับเลือกตั้งใด ๆ เพราะถูกตัดสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 10 ปี อย่างไรก็ดียอมรับว่ามีอีกหลายคดีที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรม ส่วนจุดยืนทางการเมืองนั้นยังเป็นเช่นเดิม คือ อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ไม่เสียใจ ที่เลือกเส้นทางสายนี้ จนติดคุก 3 ครั้ง มีคดีความ และไม่แน่ใจว่าจะติดคุกอีกหรือไม่ ตนไม่กลัวอันตรายที่จะเกิดขึ้น กับจุดยืนทางการเมืองที่ประกาศกับประชาชน เป็นแนวทางที่จะทำให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้า ตนไม่มีเจตนาที่จะทำร้ายหรือทำลายทรัพย์สินใด ๆ หรือบุคคลที่เห็นต่างกันทางการเมือง

ส่วนกรณีที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. ที่ประกาศรรวมตัวเคลื่อนไหววันที่ 4 เมษายน นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ตนยังไม่ได้หารือกับนายจตุพร มีโทรศัพท์ คุยประสาพี่น้อง ดังนั้นการเคลื่อนไหววันที่ 4 เมษายน ทราบจากทางสื่อมวลชนเท่านั้น ส่วนตัวมองว่านายจตุพรและคณะที่เคลื่อนไหว เป็นบุคคลที่มีประสบการณ์ มีศักยภาพ ส่วนการกำหนดแนวทางใดนั้นขอให้ติดตามจากผู้ที่เกี่ยวข้อง

นายณัฐวุฒิ กล่าวถึงความเคลื่อนไหวของกลุ่มเยาวชนนั้น ตนไม่อยู่ในฐานะประเมินความเคลื่อนไหวของนักศึกษา ประชาชน จะไปได้ไกลแค่ไหน แต่จุดยืนทางการเมืองของตนไม่เปลี่ยนแปลง ตนขอยืนเคียงข้างนิสิต นักศึกษา ประชาชนที่กำลังต่อสู้ในปัจจุบัน และขอปฏิเสธข้อกล่าวหา บิดเบือน ให้ร้ายว่าการแสดงท่าที คือการมุ่งร้าย ทำลายสถาบัน จุดยืนของตนเด่นชัด มีความชัดเจน เมื่อคนหนุ่มสาวที่ออกมาสู้ ถูกกระทำ ตนมีท่าทีและจุดยืนอย่างอื่นไม่ได้ ต้องยืนเคียงข้างพวกเขาและประชาชน

“ขอเรียกร้องผู้มีอำนาจ คืนอิสรภาพให้กับนิสิต นักศึกษา เอาเด็กออกจากห้องขัง และแก้ไขปัญหาด้วยเหตุผล รับฟังพวกเขา และแก้ปัญหาร่วมกัน สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นสัญญาณที่ถูกส่งตรงมาจากคนที่เติบโตและจะมารับผิดชอบบ้านเมืองต่อไปในอนาคต เขาต้องการการเปลี่ยนแปลง แต่รัฐบาลกลับใช้กฎหมาย ใช้ความรุนแรง กดขี่ ดังนั้นผู้มีอำนาจรัฐไม่ควรกลัวการเปลี่ยนแปลง และตนไม่เชื่อว่าจะมีใครล้างสมองเยาวชนเหล่านี้เพื่อให้เคลื่อนไหว เพราะในโลกปัจจุบัน แม้แต่พ่อแม่ก็ยังจูงใจลูกไม่ได้ ดังนั้นเราต้องยอมรับความจริงว่ากลุ่มที่ออกมาเรียกร้องเป็นพลังบริสุทธิ์” นายณัฐวุฒิ กล่าว