“จตุพร” ปลุกระดมปชช. ดีเดย์ 4 เมษา เดินหน้าไล่ “ประยุทธ์” ลั่น ปัดล้มสถาบัน

ประธานนปช. ลั่น เดินหน้า ปลุกระดม มวลชน ดีเดย์ 4 เม.ย.ขับไล่ “บิ๊กตู่” พ้นเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ชี้ ตระบัดสัตย์ ที่บอกว่าจะอยู่ไม่นาน แต่วันนี้ลากยาวมาถึง7ปีแล้ว พร้อมย้ำปัดคิดล้มสถาบัน

วันที่ 29 มี.ค.64  นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เฟชบุ๊กไลฟ์ peace talk ตอนหนึ่งว่า หลายวันที่ผ่านมา พยายามหาทางออกให้ประเทศไทย เพราะช่วงกว่า 15 ปี มีความขัดแย้งภายในชาติ และนับแต่ 22 พ.ค. 2557 พล.อ.ประยุทธ์ ประกาศเข้ามารักษาความสงบ แก้ปัญหาความขัดแย้ง ต้องการปฏิรูปประเทศ แล้วสัญญาว่าจะอยู่ไม่นาน แต่โดยพฤติกรรมไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะอยู่มา 7 ปีจึงสะท้อนถึงการอยู่นานแล้ว การเริ่มแบบเขียนรธน. 2560 ที่มีอำนาจแต่งตั้ง 250 สว.มาเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีในช่วงการเปลี่ยนผ่าน 5 ปี ซึ่งมีค่าเวลาเท่ากับ 8 ปีคือ 2 วาระของสภาผู้แทนราษฎร ข่มขู่พรรคการเมืองให้เข้าร่วมรัฐบาล องค์กรอิสระยังต้องแต่งตั้งผ่าน สว.แบบเบ็ดเสร็จก็ว่าได้

นายจตุพร กล่าวว่า การแก้ รธน.เร่งด่วนที่ พล.อ.ประยุทธ์ แถลงเป็นนโยบายต่อสภานั้น ตอกย้ำอีกครั้งเมื่อกระแสคนหนุ่มสาวชุมนุมประท้วงว่า จะแก้ รธน.เสร็จในธันวาคมปี 2563 แต่ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นลมลวงทั้งสิ้น พล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่แสดงความจริงใจที่จะใช้เป็นช่องทางเพื่อนำไปสู่การแก้รธน.ให้ได้สำเร็จ แต่ไม่ได้ทำอะไรเลย แถมยังสัมพันธ์กับการเสนอให้ยื่นศาล รธน.วินิจฉัยด้วย ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ ปฏิเสธความเกี่ยวข้องเหล่านนี้ไม่ได้เลย กว่า 7 ปีทั้งด้านเศรษฐกิจ และสังคมของไทยพินาศย่อยยับขนาดไหน แม้พวกอารมณ์ค้างมีความเห็นอีกอย่างหนึ่ง แต่ตนไม่มีปัญหาอะไร ได้บอกชัดเจนว่า การไม่เห็นด้วยกับ พล.อ.ประยุทธ์ หรือต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์ ออกไปนั้น ไมใช่การโค่นล้มสถาบัน

“พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ใช่สถาบัน พล.อ.ประยุทธ์ คือนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่สถาบัน ดังนั้น ต้องเลิกใช้สถาบันมาปกป้องตัวเอง และไว้ทำลายคนอื่นด้วย ผมจึงต้องพูดกันให้ชัด”นายจตุพรกล่าว

ประธาน นปช. กล่าวว่า บางฝ่ายวิจารณ์ จะไปตัดกำลังของคนหนุ่มสาวนั้น คิดกันแค่นี้ จึงอยากอยู่เฉยๆ แล้วทนกับ พล.อ.ประยุทธ์ ต่อไปได้ แล้วอยู่กับบ้านเมืองนี้ต่อไป ซึ่งตนไม่สนใจ ใครจะมาร่วมหรือไม่ ก็ไม่สนใจ เพียงแต่บอกว่า ปัญหาของชาติมันขนาดนี้แล้ว เพียงแค่ความรู้สึกส่วนตัวทนกับ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ แต่ทนกับคนจะมาร่วมกันของแต่ละฝ่ายกลับทนไม่ได้ รับไม่ได้ ก็เอาตามสบาย เพราะบ้านเมืองต่างมีสิทธิ มีเสรีภาพ”

ส่วนการนัดกันวันที่ 4 เม.ย.ที่อนุสรณ์สถานพฤษภาประชาธรรมนั้น เป็นการหลอมรวมความแตกต่างและความขัดแย้งในอดีต อีกอย่างเรามีความเห็นร่วมกันว่า สภาพบ้านเมืองแย่กันแบบนี้ยังอยู่ได้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังอยู่ อีก 2 ปีครบวาระ ครั้งหน้าอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน สว.ก็โหวตมาเป็นนายกฯได้อีกสมัย แต่มี 2 พวกที่ออกมาปั่นป่วนทั้งฝ่ายรัฐบาล และพวกรับตนไม่ได้แต่รับ พล.อ.ประยุทธ์ได้นั้น ไม่ต้องการให้เกิดหลอมรวมกันได้สำเร็จ

นายจตุพร กล่าวว่า รู้ว่า การลุกขึ้นมาต่อสู้เป็นเรื่องลำบาก รวมทั้งรู้ว่า การสู้กับ พล.อ.ประยุทธ์ ยากกว่าในอดีต เนื่องจากเผด็จการในอดีตหักไม่ยอมงอ แต่เผด็จการชุดนี้พลิกแพลง มีเล่ห์เพทุบายสารพัด ยิ่งประชาชนแตกแยกยิ่งไม่มีทางจะสู้ได้ ถ้าเรายังอยู่ในสภาพบ้านเมืองแบบนี้ต่อไป เชื่อได้ว่าพล.อ.ประยุทธ์ ต้องต่ออำนาจอีก 4 ปี อย่างไรก็ตาม หากเราคิดไปเล่นในสนามที่นายมีชัย เขียน รธน.ไว้ ก็คิดแบบเดิม เราจะไม่ได้อะไรอีกเลย และชาตินี้ทั้งชาติก็แก้ รธน.ไม่ได้