เห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ “พีระพันธุ์” ฟันธง คดีค่าโง่โฮปเวลล์ หมดอายุความ

“พีระพันธ์” ฟันธงคดีค่าโง่โฮปเวลล์ 2.4 หมื่น ล. ขาดอายุความแล้ว กาง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองฯ มาตรา 75(4) เปิดช่องรื้อคดีใหม่ได้ หลังศาล รธน.ชี้มติศาลปกครองสูงสุด ปมนับอายุความ ขัด รธน.

18 มี.ค. 64 นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานศึกษาปัญหาสัญญาโฮปเวลล์ ในคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ที่ชี้ว่า มติที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ปี 2545 เรื่องการนับระยะเวลาฟ้องคดีปกครองให้เริ่ม ตั้งแต่วันที่ศาลปกครองเปิดทำการ คือ วันที่ 9 มีนาคม 2544 ที่ นำมาใช้อ้างอิงในคดี ค่าโง่โฮปเวลล์ 2.4 หมื่นล้าน ขัดรัฐธรรมนูญ ว่าทำให้เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ โดยคดีนี้ถือว่าขาดอายุความไปแล้ว เนื่องจากข้อพิพาทที่เป็นเหตุแห่งการฟ้องคดีเกิดขึ้นเดือนมกราคม ปี 2541 นับจากวันที่ ครม.มีมติบอกเลิกสัญญากับบริษัท โฮปเวลล์ อย่างเป็นทางการ

ซึ่งในขณะนั้นการนับอายุความคดีปกครอง ต้องใช้ตามมาตรา 51 ของ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 ที่กำหนดอายุความคดีปกครองไว้แค่ 1 ปี เท่ากับว่าคดีนี้ต้องหมดอายุความในปี 2542 แต่โฮปเวลล์ไปยื่นคำร้องต่ออนุญาโตตุลาการในปี 2547 ถือว่ากรณีนี้หมดอายุความไปแล้ว ซึ่งเป็นข้อต่อสู้ของกระทรวงคมนาคมและการรถไฟแห่งประเทศไทย มาโดยตลอด แม้ว่าในภายหลังจะมีการแก้ไขมาตรา 51 เพิ่มอายุความจาก 1 ปี เป็น 5 ปี และไม่เกิน 10 ปี เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2551 ก็ไม่สามารถนำมาใช้ได้ เพราะไม่ได้เป็นกฎหมายที่ใช้บังคับในขณะมีข้อพิพาท

หัวหน้าคณะทำงานศึกษาปัญหาสัญญาโฮปเวลล์ฯ กล่าวว่า แม้ว่าจะนับอายุความตามกฎหมายมาตรา 51 ที่มีการแก้ไขใหม่ อายุความก็จบลงที่ปี 46 แต่โฮปเวลล์ยื่นเรื่องต่ออนุญาโตตุลาการปี 47 ถือว่าคดีขาดอายุความไปแล้ว และจะนำเรื่องอายุความ 10 ปี ที่กำหนดไว้ในมาตรา 51 มาใช้ไม่ได้ เนื่องจากต้องเป็นกรณีที่ไม่ทราบว่าเหตุพิพาทเกิดขึ้นเมื่อใด แต่กรณีนี้มีการแจ้งบอกเลิกสัญญาชัดเจนในปี 2541 เมื่อศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่า มติที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด เรื่องให้นับอายุความตั้งแต่วันที่ศาลปกครองเปิดทำการขัดรัฐธรรมนูญ ก็ต้องไปใช้การนับอายุความตามมาตรา 51 ซึ่งถือว่าคดีนี้หมดอายุความไปแล้ว