“รู้แล้วว่าเป็นตำรวจ เตะหน้าเข้าให้”คำให้การของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมคนร้ายคดียาเสพติดวินาทีปะทะกับทหารพรานเหตุเข้าใจผิดคิดว่า เป็นคนร้าย ซึ่งเพจตำรวจไทยสู้ๆ นำมาโพสต์
จากปากคำของ ส.ต.ท.วัชระ ตำรวจที่อยู้ในเหตุการณ์เล่าว่า ขณะควบคุมตัวผู้ต้องหาค้ายาบ้าทหารพรานยิงใส่รถ ตำรวจตะโกนว่า
“อย่ายิงๆ ผมเป็นตำรวจ ผมเป็นเจ้าหน้าที่ แต่ทหารพรานยังไม่หยุด ยิงเข้ามาใส่พวกผมอีก หลังจากนั้นผมจึงเปิดประตูรถแล้วคลานไปหมอบที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ริมทางที่รถชน และตะโกน อีกครั้ง เพื่อให้ทหารพรานทราบว่า เป็นตำรวจ อย่ายิงๆ แต่ถูกทหารพรานใช้อาวุธปืนยิงซ้ำเข้ามาอีก”
จนตนต้องคลานเข้าใกล้ทหารในรัศมีประมาณ 10 เมตร เพื่อแสดงบัตรว่าเป็นตำรวจ แต่ทหารก็ไม่หยุดยิง
จึงได้วิ่งไปที่ร้านน้ำชาของชาวบ้านเพื่อขอความช่วยเหลือ พร้อมตะโกนบอกชาวบ้านว่าผมเป็นตำรวจ เป็นเจ้าหน้าที่ครับช่วยผมด้วย แต่พบชาวบ้านหลายคนในร้านน้ำชา ก็ได้พากันหมอบอยู่เช่นกัน
เวลาผ่านไป 5 นาที รถเกราะของทหารได้วิ่งเข้ามาตนจึงไปขอความช่วยเหลือรถเกราะ พร้อมแสดงตัวว่าเป็นตำรวจ เพื่อให้ทหารพรานได้หยุดยิง
จากนั้นตนจึงวิ่งไปเรียก อส.ที่นั่งกระบะหลังและกำลังไปที่หน้ารถเพื่อไปช่วยพี่ตำรวจที่ถูกยิงฝั่งคนขับ
แล้วทหารพรานได้เข้ามายึดอาวุธปืนของผมและของผู้เสียชีวิตไป
พร้อมสั่งให้ตนหมอบลงกับพื้นถนนและได้เข้ามาเตะเข้าที่ใบหน้าหลายที ทั้งๆ ที่ได้แสดงบัตรที่คล้องไว้ที่คอว่าผมเป็นตำรวจ กำลังไล่ติดตามคนร้าย ถึงจะพยายามบอกว่าเป็นเจ้าหน้าที่หลายครั้ง แต่ทหารพรานไม่ฟัง จนชาวบ้านที่อยู่ในร้านน้ำชา ต้องเข้ามาช่วยห้ามไว้
ส.ต.ท.วัชระ ยังบอกอีกว่า ผู้ต้องหาที่ตนควบคุมตัวไว้ในรถก็ยังถูกเจ้าหน้าที่ทหารเตะ ทั้งที่ยังใส่กุญแจมือ
จนมีชาวบ้านพากันมาห้ามไว้
ต่อมาทางผู้บังคับบัญชาและเพื่อนตำรวจตามมาทัน และช่วยพาไปส่งโรงพยาบาล
ตนจึงบอกไปว่าทหารเอาปืนไป ก่อนที่ผู้บังคับบัญชาได้เจรจาขออาวุธปืนคืนมา