พระราชทานอภัยโทษ!! นักโทษ2แสนราย “สรยุทธ-บุญทรง-เต้น” ได้เฮ! ลดวันติดคุก

พระเจ้าอยู่หัว พระราชทานอภัยโทษ ผู้ต้องขังทั่วประเทศ กว่า2แสนราย เนื่องในวันพ่อแห่งชาติ “สรยุทธ-บุญทรง-ณัฐวุฒิ” ได้รับอานิสงฆ์ ลดวันต้องโทษตามสัดส่วน 

วันที่ 4 ธ.ค.63 ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ พระราชกฤษฎีกา พระราชทานอภัยโทษ พ.ศ.2563 พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่ทรงพระราชดำริเห็นว่า ในโอกาสวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพของพระบาทสมเด็จ พระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวาคม 2563

เพื่อเป็นการแสดงพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมควร พระราชทานอภัยโทษแก่ผู้ต้องราชทัณฑ์ เพื่อให้โอกาสแก่บุคคลเหล่านั้นกลับประพฤติตนเป็นพลเมืองดี อันจะเป็นคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติสืบไป

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 175และมาตรา 179 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา261 ทวิวรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ 9) พ.ศ. 2517 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้

พระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ. 2563 มีทั้งสิ้น 20 มาตรา ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป

ทั้งนี้จะมีทั้งในส่วนที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษปล่อยตัว ตามมาตรา มาตรา 5 เป็นกลุ่ม ผู้ต้องกักขัง ผู้ทำงานบริการสังคมหรือทำงานสาธารณประโยชน์แทนค่าปรับ และ ผู้ได้รับการปล่อยตัวคุมประพฤติ นอกจากนี้ ผู้ที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษปล่อยตัว ตาม มาตรา 6 ซึ่งระบุว่า ตามมาตรา 6 ภายใต้บังคับมาตรา 8 มาตรา 9 มาตรา 10 มาตรา 12 และมาตรา 13 นักโทษเด็ดขาดดังต่อไปนี้ให้ได้รับพระราชทานอภัยโทษปล่อยตัวไป

ผู้ต้องโทษจำคุก ไม่ว่าในกรณีความผิดคดีเดียวหรือหลายคดี ซึ่งมีโทษจำคุกตามกำหนดโทษ ที่จะต้องได้รับต่อไปเหลืออยู่ไม่เกินหนึ่งปีนับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ ผู้มีลักษณะอย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้

(ก) เป็นคนพิการโดยตาบอดทั้งสองข้าง มือหรือเท้าด้วนทั้งสองข้าง หรือเป็นบุคคล ซึ่งแพทย์ของทางราชการไม่น้อยกว่าสองคนได้ตรวจรับรองเป็นเอกฉันท์ว่าเป็นคนทุพพลภาพมีลักษณะ อันเห็นได้ชัด

(ข) เป็นคนเจ็บป่วยด้วยโรคเรื้อน โรคไตวายเรื้อรัง โรคมะเร็ง โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง (โรคเอดส์) หรือโรคจิต ซึ่งทางราชการได้ทำการรักษามาแล้วไม่น้อยกว่า 3 เดือนในวันที่ พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ และแพทย์ของทางราชการไม่น้อยกว่าสองคนได้ตรวจรับรองเป็นเอกฉันท์ว่า ไม่สามารถจะรักษาในเรือนจำให้หายได้ และไม่ว่าในกรณีความผิดคดีเดียวหรือหลายคดี ต้องได้รับโทษจำคุกมาแล้วถึงวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับไม่น้อยกว่าสามปี หรือไม่น้อยกว่า 1 ใน 2 ของโทษตามกำหนดโทษ

รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ 2563 จะมีผู้ต้องขังได้รับการปล่อยตัวออกจากเรือนจำ ประมาณ 30,000 ราย จากเรือนจำทั่วประเทศ  นอกจากนี้ ยังมีนักโทษเด็ดขาดที่ได้รับสิทธิ เข้าหลักเกณฑ์ลดวันต้องโทษ ตามพระราชกฤษฎีกา ฉบับดังกล่าวอีกกว่า 200,000 ราย

ขณะนี้กรมราชทัณฑ์มีผู้ต้องขังเด็ดขาด ที่ควบคุมอยู่ ประมาณ รวม 247,557 ราย จากผู้ต้องขังทั้งหมด 344,161 ราย จากข้อมูลกรมราชทัณฑ์ ณ วันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ.2563 สำหรับนักโทษ รายสำคัญ ที่จะได้รับการลดโทษตามสัดส่วนคือ นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ที่ถูกตัดสินจำคุก 6 ปี 24 เดือน เมื่อวันที่ 21 ม.ค.ที่ผ่านมา จะได้การลดโทษตามสัดส่วน ซึ่งก่อนหน้านั้นเมื่อเดือนส.ค.ก็ได้รับการลดโทษ ส่วนผู้ต้องขังกลุ่มผู้ต้องขังบิ๊กเนม

ซึ่งเป็นนักการเมืองส่วนใหญ่ ไม่อยู่ในเกณฑ์ได้รับการพระราชทานอภัยโทษปล่อยตัวออกจากเรือนจำ เนื่องจากกระทำความผิดตามบัญชีแนบท้าย แต่จะได้รับการลดวันต้องโทษตามสัดส่วน เพื่อเข้าสู่กระบวนการพักการลงโทษปล่อยตัวก่อนครบกำหนดโทษ โดยนักโทษกลุ่มแกนนำการชุมนุมก่อความไม่สงบปิดล้อมบ้าน พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ต้องโทษจำคุก 2 ปี 8 เดือน อาทิ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ได้ลดโทษ และนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ ได้รับการลดโทษตามสัดส่วน