“ธนาธร” ลั่น คดีถือหุ้นสื่อ ตนไม่ผิดตั้งแต่แรก เพราะบริษัทหยุดกิจการแล้ว แต่นี่คือ “นิติสงคราม” ที่ผู้มีอำนาจตั้งโจทย์ผิด ลั่นเอาพวกเราไปเด็ดหัว จับเข้าคุก เรื่องก็ไม่จบ
วันที่29 ต.ค.63 ที่สำนักงานอัยการศาลแขวงปทุมวัน นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า กล่าวถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญตัดสิทธิ ธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล พ้น ส.ส. จากกรณีหุ้นสื่อ ว่า ถ้าใช้มาตรฐานเดียวกับ ส.ส.ฝั่งรัฐบาล ตนไม่ควรต้องหลุดจาก ส.ส. กรณีบริษัทที่ตนถือหุ้นหยุดกิจการแล้ว ไม่มีพนักงานเหลืออยู่แล้ว ไม่มีผลิตภัณฑ์ รายได้เหลืออยู่แล้ว ขายหุ้นไปแล้ว
จนถึงวันนี้ยังไม่มีใครหักล้างข้อมูลเรื่องการขายหุ้นได้ ไม่มีใครบอกได้ว่าตนมีเจตนาถือหุ้นสื่อเพื่อที่จะให้ข่าวที่เป็นคุณต่อตัวเอง แต่ตนถูกตัดสิทธิ ซึ่ง ส.ส.ฝั่งรัฐบาลคนหนึ่งถือหุ้นสื่อ บริษัทยังดำเนินการอยู่ด้วยซ้ำ
“สิ่งที่เกิดกับธัญญ์วาริน ผม และน้องนิสิตนักศึกษา นักเรียน ประชาชน ที่ออกมาเรียกร้องประชาธิปไตย เรียกร้องความเป็นธรรมในสังคม คือนิติสงคราม ใช้กฎหมายให้พวกเราหวาดกลัวต่อสู้กับความอยุติธรรมในสังคม พวกเรากำลังใจดี เรียนรัฐบาลว่าการคิดแบบนี้ คิดว่าถ้าเด็ดหัวแกนนำได้ เอาแกนนำเข้าคุกได้เรื่องจะจบ เอาผม พิธา ปิยบุตร และ พรรณิการ์ วานิช โฆษกคณะก้าวหน้า เข้าคุกได้เรื่องจะจบ อันนี้คิดผิด เพราะตั้งโจทย์ผิด” นายธนาธร กล่าว
ประธานคณะก้าวหน้า กล่าวต่อว่าโจทย์ที่ตั้งอยู่บนสมมติฐานว่าพวกเราอยู่เบื้องหลังการชุมนุมของนักศึกษา พวกเราเป็นคนยุยงปลุกปั่นนักศึกษา พอตั้งโจทย์แบบนี้ วิธีการแก้ปัญหาก็เป็นแบบนี้ ก็คือเอาคนที่อยู่เบื้องหลัง เอาคนที่เป็นแกนนำข้างหลังออกไปให้หมด จับเข้าคุกให้หมด ทุกอย่างก็จะกลับมาเหมือนเดิม โจทย์มันผิดครับ
พวกเขาที่อยู่ข้างนอกนั่น เคลื่อนไหวด้วยเจตนารมณ์อันเป็นเสรีของพวกเขาเอง ไม่มีผม ไม่มีคุณพิธา ไม่มี อ.ปิยบุตร ไม่มีคุณพรรณิการ์ พวกเขาก็จะสู้ต่อ พวกเขาก็จะเรียกร้องในสิ่งที่ถูกต้องต่อ พอตั้งโจทย์ผิด เข้าใจปัญหาสังคมผิด ก็นำมาสู่วิธีการแก้ปัญหาที่ผิด การจับพวกเราและแกนนำคนอื่นๆ เข้าคุก ไม่ทำให้ปัญหาจบหรอกครับ มีแต่จะยิ่งทำให้ความโกรธแค้นของประชาชนบานปลายมากขึ้น และยืนยันว่า พี่น้องประชาชนรู้เข้าใจความไม่เป็นธรรม พวกเราเข้มแข็งขวัญกำลังใจดี ขอให้ทุกคนทำหน้าที่พลเมืองในระบอบประชาธิปไตยให้ดีที่สุด