ปฏิกริยา 2 กลุ่ม ต่างขั้ว หลัง ในหลวง ทรงขอบใจ ชายชูภาพ ผู้ภักดี

“เทศมองไทย” ปฏิกริยา 2 กลุ่มต่างขั้ว ฝ่ายหลัง ในหลวง ร.10 ทรง “ขอบใจ” ชายผู้ภักดี สะท้อนภาพ การเมืองไทย ที่ยังอยู่ระหว่าง ความขัดแย้ง

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่าการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตรัส “ขอบใจ” ชายที่ชูพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวง ร.9 ไว้เหนือหัว ระหว่างการชุมนุมของกลุ่ม “ราษฎร” เมื่อช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้เกิดเสียงชื่นชมจากฝ่ายสนับสนุนสถาบันกษัตริย์ และการสบประมาทจากกลุ่มผู้ประท้วง

นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ผู้ก่อตั้งกลุ่ม “ไทยภักดี” เพื่อเป็นองค์กรกลางในการรวบรวมประชาชนผู้ภักดีต่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ระบุผ่านเฟซบุ๊กว่า เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้รู้สึกซึ้งมาก

“นี่คือวิถีไทย สังคมไทย ที่เอื้ออาทร ช่วยเหลือเกื้อกูล ร่วมกันปกป้อง วันนี้ถือว่าสถาบันท่านปรับตัวลงมาใกล้ชิดประชาชนมาก สร้างความประทับใจอย่างที่สุด”

นพ.วรงค์ ทิ้งท้ายถึง ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ปิยบุตร แสงกนกกุล และพรรณิการ์ วานิช จากคณะก้าวหน้า ว่า “พวกคุณควรหยุดได้แล้ว ปล่อยให้ลูกหลานประชาชนกลับไปเรียนหนังสือ เพื่ออนาคตที่ดีของเขา น่าจะดีกว่าที่จะดื้อดึงต่อไป”

ในเวลาต่อมา นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์เฟซบุ๊กถึงเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ และเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างการปฏิรูปและการปฏิวัติ ว่า การปฏิวัติจะทำให้คนที่ครองอำนาจอยู่เดิมสูญเสียอำนาจไปหมดสิ้น ขณะที่การปฏิรูปไม่มีวันเกิด หากคนที่ครองอำนาจไม่ให้ความร่วมมือ

เลขาธิการคณะก้าวหน้าบอกอีกว่า “ปฏิรูปหรือปฏิวัติ จะออกทางไหน มีเส้นบางๆ กั้นอยู่” และตั้งคำถามทิ้งท้ายไว้ว่า “แล้วอะไรถึงจะดลใจให้สถาบันกษัตริย์ยินยอมปฏิรูปด้วยกัน แล้วอะไรจะเกิดขึ้น หากสถาบันกษัตริย์ไม่ยินยอมปฏิรูป”

ในเวลาต่อมา นพ.วรงค์ โพสต์เฟซบุ๊กอีกครั้งโดยอ้างว่า สิ่งที่นายปิยบุตรพูดเป็นการขู่ว่า “ถ้าไม่ยอมปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ก็จะปฏิวัติ”

ผู้ก่อตั้งกลุ่ม “ไทยภักดี” บอกว่า ให้ฝ่ายของตน “ตั้งหลักให้ดี ๆ” เพราะว่าการแสดงออกของนายปิยบุตรนั้น “แสดงว่าเก็บอาการไม่อยู่ คงอยากหาทางลง เราต้องอดทนที่จะต้องทำการเมืองสะอาด ขจัดนักการเมืองชั่ว พวกที่จ้องทำร้ายประเทศ หลอกลูกหลานประชาชนมาบังหน้า”

ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ นักวิชาการฝ่ายสนับสนุนสถาบันกษัตริย์ ซึ่งมีผู้ติดตามในเฟซบุ๊กเกือบ 4 หมื่นคน ระบุผ่านเฟซบุ๊กว่า “นายปิยบุตรควรปฏิรูปตัวเองก่อน ถ้านายปิยบุตรไม่ปฏิรูปตัวเอง เราจะช่วยกันปฏิรูปนายปิยบุตร”

ดร. สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล อดีตอาจารย์ประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และผู้ลี้ภัยในฝรั่งเศส ระบุผ่านเฟซบุ๊กว่า เหตุการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรง “ตระหนักดีว่ามีคนเรียกร้องให้ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์”

“การเรียกร้อง 10 ข้อให้ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์เป็นการเรียกร้องที่ถูกต้อง” ผู้วิพากษ์วิจารณ์สถาบันกษัตริย์ชื่อดังรายนี้ระบุทางเฟซบุ๊ก

“ทำอย่างไร เราจึงจะสามารถทำให้คนที่ไม่กล้า กลัว หรือ กระทั่งเหมือนจะคัดค้านอยู่ หันมาเข้าข้างกันเรา ?”

รอยเตอร์รายงานว่าสำนักพระราชวังไม่ได้แสดงความคิดเห็นใด ๆ เรื่องนี้ และก็ไม่เคยออกมาชี้แจงอะไรตั้งแต่การประท้วงเริ่มต้นขึ้นเมื่อเดือน ก.ค. ซึ่งมุ่งวิจารณ์สถาบันพระมหากษัตริย์มากขึ้นเรื่อย ๆ

บีบีซีไทยเองก็ได้สอบถามไปยังสำนักพระราชวังเมื่อกลางเดือน ต.ค. ถึงกรณีที่นายอานนท์ นำภา แกนนำกลุ่ม “คณะราษฎร” กล่าวหาสถาบันพระมหากษัตริย์ในหลายประเด็น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการขยายพระราชอำนาจหรือการ “ไม่อยู่เหนือการเมือง” ของสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่ยังไม่ได้รับการตอบรับ ขณะที่ รอยเตอร์บอกว่า นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ปฏิเสธที่จะให้ความคิดเห็นเรื่องนี้

เพจเฟซบุ๊ก เพจข่าว เสริมสุข กษิติประดิษฐ์ – Sermsuk Kasitipradit ซึ่งมีคนติดตามเกือบ 5 หมื่นคนกว่า “ชาวประชามีความสุขกันทั่วหน้ากับการเฝ้ารับเสด็จในหลวง แถมยังมีมิติใหม่ในการรับเสด็จ พสกนิกรปวงชนชาวไทยที่พร้อมปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ตะโกนบอก “ในหลวงสู้ๆ” ….ทุกเรื่องอยู่ในสายพระเนตรพระกรรณของพระองค์ ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน”

ด้าน ปิยรัฐ จงเทพ อดีตผู้สมัคร ส.ส. พรรคอนาคตใหม่ และหัวหน้ามวลชนอาสา(We Volunteer) ที่ช่วยดูแลความปลอดภัยให้ผู้ชุมนุมกลุ่ม “ราษฎร”ระบุผ่านเฟซบุ๊กว่า สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ “ทุกอย่างจะเร่งฟืนเข้าไฟ และลุกลามอย่างรวดเร็ว”

เขาบอกว่าการที่พระมหากษัตริย์ทรงตรัสชื่นชมและให้กำลังใจคนที่ออกมาท้าทายมวลชนอีกฝ่ายกลางม็อบที่เรียกร้องให้ปฏิรูปสถาบันฯ นั้น “ถือเป็นเรื่องใหญ่ และหนักหนาสาหัสกับการแก้ไขปัญหาด้วยเส้นทางที่เหลืออยู่น้อยนิด”

ส่วนนายทัตเทพ เรืองประไพกิจเสรี แกนนำกลุ่ม “เยาวชนปลดแอก” ระบุผ่านทวิตเตอร์เพียงสั้น ๆ ว่า “กล้ามาก กล้ามาก เก่งมาก ที่แสดงออกชัดเจนแบบนี้ ขอบใจ” พร้อมกับแฮชแท็ก #23ตุลาวันตาสว่าง

เจมส์ บูแคนัน อาจารย์จากมหาวิทยาลัยมหิดล บอกกับรอยเตอร์ว่า การตรัสขอบใจของในหลวงเป็นสัญญาณการเข้ามาแทรกแซงที่ชัดที่สุดในวิกฤตที่ไทยกำลังเผชิญ

“ผมตีความว่ามันเป็นการส่งสัญญาณว่าพระมหากษัตริย์ทรงรับทราบว่าผู้ประท้วงเป็นอุปสรรคต่อพระราชอำนาจของพระองค์อย่างไร แต่ก็จะไม่ยอมถอยร่น”

สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม ผู้ร่วมก่อตั้งสถาบันทิศทางไทย และแกนนำคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ระบุในเฟซบุ๊กที่มีคนติดตามมากกว่า 2 แสนคนว่า สิ่งที่ต้องปฏิวัติคือ “ขจัดพวกรับแผนต่างชาติมาทำลายชาติด้วยมายาคติประชาธิปไตยที่กำลังฉิบหาย ปฏิวัติสู่วิถีแห่งความเป็นไทย การเมือง เศรษฐกิจ สังคม สอดคล้องกับความเป็นจริงของไทย”

ก่อนหน้านี้ บรรยง พงษ์พานิช ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มธุรกิจการเงิน เกียรตินาคินภัทร (KKP) ออกมาเสนอวิธีปฏิรูปสถาบันสูงสุดของประเทศผ่านเฟซบุ๊ก “Banyong Pongpanich” ว่า พระราชอำนาจและพระราชทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นในรัชสมัยนี้ล้วนเป็นสิ่งที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และรัฐบาลจัดถวาย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่ได้ทรงเรียกร้องแต่อย่างใด

บรรยงเสนอว่า “อะไรที่ คณะคสช. สนช. หรือแม้แต่รัฐบาล รัฐสภาได้ทำไปเกี่ยวกับสถาบันฯ ภายหลังจากที่[ในหลวงรัชกาลที่ 9]เสด็จสวรรคตนั้น ก็น่าที่จะได้รับการปรับเปลี่ยนให้กลับไปเหมือนเดิม”

เขาบอกว่า “ควรสืบต่อระบอบแบบเดิม” เพราะ “ในเมื่อเป็นที่พิสูจน์จนประจักษ์ชัดแล้วว่า ภายใต้พระราชอำนาจ และพระราชทรัพย์ที่มีอยู่ ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่9 นั้น พระราชาผู้ทรงธรรม สามารถปกครองประเทศได้อย่างวิเศษ สร้างคุณูปการมหาศาลให้แก่พสกนิกรได้อย่างถ้วนทั่ว…”

ปิดท้ายด้วยความเห็นของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้นตอ ปัญหา ที่เป็น1ใน3เงื่อนไข สำคัญของการชุมนุม เคลื่อนไหวครั้งนี้ โดย “บิ๊กตู่” หรือ “พล.อ.ประยุทธ์” ยืนยัน จะไม่ลาออกจากตำแหน่ง ภายหลัง นำครม.ร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์ …สอดรับกับคำประกาศชอง คณะราษฏร 2563 ที่ประกาศกร้าวจะยกระดับ การชุมนุมให้รุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม !