ทนาย “ยิ่งลักษณ์” ซัด “ประยุทธ์” ถามกลับถังแตกหรือ ถึงพยามไล่บี้ หาเงินกับโครงการรับจำนำข้าว ชี้มีการทุจริตในยุค คสช. โดยอ้างกระทรวงพาณิชย์ นำข้าว ที่ถูกยึด ตบตา เป็น “ข้าวเน่า ไปจำหน่ายให้เอกชนในราคาถูก
วันที่ 6 ต.ค.63 นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ เกี่ยวกับโครงการรับจำข้าวว่าได้สั่งติดตามค่าเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวเป็นกรณีพิเศษว่า ในฐานะที่ตนเป็นทนายความในคดีดังกล่าว ขอเรียนว่า ในชั้นการพิจารณาคดีของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีพยานหลักฐานชัดแจ้งว่าการใช้จ่ายเงินในโครงการรับจำนำข้าว อยู่ภายใต้กรอบวงเงิน 5 แสนล้านบาทตามมติคณะรัฐมนตรี และคำพิพากษาของศาลฎีกาไม่มีข้อความตอนใดระบุว่าการดำเนินโครงการรับจำนำของรัฐบาลขาดทุนหรือเสียหาย
ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ไม่ต้องมาเสียเวลากับการติดตามเรื่องนี้เป็นพิเศษ แต่ควรเอาเวลาไปคิดว่าจะทำอย่างไรให้ประชาชนที่ตกงาน และอดอยากปากแห้งมาเป็นเวลานานจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในรอบหลายสิบปีให้มีงานทำ ได้อยู่ดีกินดีบ้าง ไม่เฉพาะแต่นายทุนเท่านั้นที่มีรายได้และอยู่ดีกินดี
นายนรวิชญ์ กล่าวอีกว่า ส่วนในเรื่องโครงการจำนำข้าว มีเรื่องที่พล.อ.ประยุทธ์ควรต้องติดตามเป็นพิเศษ คือภายหลังที่มีการรัฐประหารปี 2557 แล้ว รัฐบาลในช่วงนั้นมีการนำข้าวที่เก็บไว้ในโกดังประมาณ 2.9 ล้านตัน มูลค่าประมาณ 2 แสนกว่าล้านบาท ไปจัดเกรดข้าว เป็น A, B, C, D และนำออกขาย ทั้งที่กระทรวงพาณิชย์ยังไม่เคยมีการจัดเกรดข้าวขายมาก่อน ทำให้ขายข้าวได้ราคาต่ำกว่าความเป็นจริงอย่างมาก
นอกจากนี้ในการขายข้าวในครั้งนั้นยังมีข้อเคลือบแคลงสงสัยจากสื่อมวลชน ประชาชนและผู้เกี่ยวข้อง ว่ามีการทุจริตนำข้าวดีไปขายให้ภาคเอกชนในราคาข้าวเน่าจริงหรือไม่ แม้ต่อมามีการยกเลิกการขายข้าวแบบจัดเกรด แต่รัฐเสียหายไปแล้ว เรื่องนี้ พล.อ.ประยุทธ์ควรติดตามให้มีผู้รับผิดชอบในความเสียหาย “ขอถาม พล.อ.ประยุทธ์ว่าที่มาพูดเรื่องนี้เป็นเพราะ รัฐบาลถังแตก หาเงินที่ไหนไม่ได้แล้วหรือ จึงจะมาเอากับโครงการรับจำนำข้าวใช่หรือไม่”