“พล.ต. นพ.เหรียญทอง แน่นหนา” ชี้ภารกิจสำคัญและเร่งด่วนสูงสุด คือ การต่อสู้กับขบวนการบั่นทอนสถาบัน เชื่อหลังจากนี้ “ขบวนการสามานย์” จะขาดเอกภาพและกลายเป็นม็อบคนบ้า
วันที่ 21 ก.ย.63 พล.ต. นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผอ.โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุถึงภารกิจสำคัญและเร่งด่วนของตัวเอง โดยมีเนื้อหาดังนี้
ลำดับภารกิจสำคัญและเร่งด่วนของผมในช่วงนี้
สำดับ 1. ภารกิจต่อสู้ขบวนการจัญไรบั่นทอนสถาบันพระมหากษัตริย์ คือ ลำดับสำคัญและเร่งด่วนสูงสุดของผม
สำดับ 2. ภารกิจรองรับผู้ป่วยบัตรทองจากการที่ สปสช ยกเลิกคู่สัญญาจำนวนมาก
ลำดับ 3. ภารกิจเผชิญเหตุโควิด-19 ระลอก 2 ภายในประเทศจากการชุมนุม
ลำดับ 4. ภารกิจลงทุนก่อสร้างอาคารศูนย์ตติยภูมิทางการแพทย์ รพ.มงกุฎวัฒนะ
เหตุผลที่ผมยังไม่ระดมพล
1. รัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา กำลังนำพาประเทศชาติไปได้ดีและจะมีความเจริญก้าวหน้าในอนาคตอันใกล้ ทั้งยังเป็นพื้นฐานความเจริญก้าวหน้าของชาติในระยะยาว ดังนั้นหากผมปลุกระดมจะเกิดสถานการณ์เผชิญหน้าและเกิดมิคสัญญี ฆ่าล้างกันทันที ประเทศชาติจะเสียหายและประเทศจะพ่ายแพ้ดังที่พระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ 9 เคยตรัสไว้เมื่อ พ.ค.35
2. สถานการณ์การชุมนุมม๊อบล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์จะแสดงตัวตน ธาตุแท้ออกมาเรื่อยๆโดยไม่ต้องสืบหาอีกแล้ว ประชาชนได้เห็นตัวตนชัดเจน ทั้งแกนนำ พรรคการเมือง นักการเมือง กลุ่มทุนผู้สนับสนุนทุนและทรัพย์ ภาครัฐสามารถจัดการได้ด้วยกระบวนการทางกฎหมาย ถึงแม้จะไม่รวดเร็วทันใจพสกนิกรผู้จงรักภักดีก็ตาม แต่จะเป็นการจัดการที่สถาวรมั่นคงโดยประเทศชาติได้รับผลกระทบน้อยที่สุด โดยเฉพาะผลกระทบจากการแทรกแซงจากภายนอกประเทศที่ต้องการแทรกแซงไทยหากเกิดสถานการณ์มิคสัญญีในไทย
3. สถานการณ์จากนี้ ขบวนการสามานย์นี้จะยกระดับขึ้นเรื่อยๆ หากยังไม่เกิดสถานการณ์เผชิญหน้า ขบวนการเหล่านี้ก็จะแสดงความต่ำทรามสามานย์ให้เป็นที่ประจักษ์ว่าสถาบันพระมหากษัตริย์และภาครัฐไม่เคยคุกคามประชาชนดังข้อกล่าวหาให้ร้ายบิดเบือนจากขบวนการอันประกอบด้วยผู้บงการ แกนนำ พรรคการเมือง นักการเมือง และแนวร่วม …การคุกคามพระมหากษัตริย์ต่างหากที่ปรากฎให้เห็นจนเป็นที่ประจักษ์ชัดแล้ว พรรคการเมืองและนักการเมืองที่สนับสนุนขบวนการสามานย์จะเริ่มทยอยถอนตัว รักษาระยะห่างกับแกนนำมากขึ้นเป็นลำดับ ขบวนการสามานย์จะเริ่มขาดความเป็นเอกภาพ สถานการณ์ในเดือน ต.ค.63 จะสามานย์ยิ่งกว่า 19 ก.ย.63 นี้
แต่หากไม่เกิดการเผชิญหน้าแล้ว…สถานการณ์นับจากนี้ก็เป็นสถานการณ์ของม๊อบคนบ้า ที่ผมขอเรียกว่า “ม๊อบสามสลึง”…พสกนิกรผู้จงรักภักดีต้องเตือนสติตนเองว่า “อย่าไปทะเลาะ อย่าไปตี อย่าไปทำร้ายคนบ้า”…ดูสารรูปแกนนำก็พอวิเคราะห์ได้ว่าเป็นกลุ่มคนมีปัญหาทางบ้านหรือทางสังคม มีปมด้อย ต้องการให้สังคมยอมรับเท่านั้น