สส.พปชร.จัด สัมมนา การพัฒนาศักยภาพมนุษย์ ชู แนวทางแก้ปัญหา สังคม ยึดกรอบ ศิลธรรม และ สถาบันชาติ ชี้ เหรียญ ย่อม มี 2 ด้าน การใช้ชีวิต ในแต่ละช่วงวัย ย่อมเปลี่ยนแปลงตาม สถานการณ์ ย้ำ การเคลื่อนไหว เรียกร้องใดๆ ต้อง ไม่ละเมิด สิทธิเสรีภาพ
คณะกรรมาธิการการสวัสดิการสังคม สภาผู้แทนราษฎร นำโดย นายศิริพงษ์ รัสมี ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะรองเลขานุการคณะกรรมาธิการคนที่หนึ่ง จัดสัมมนา “การพัฒนาศักยภาพคนตลอดช่วงชีวิต : แผนพัฒนาช่วงวัยเรียนและวัยรุ่น” ให้กับนักเรียนโรงเรียนเซนต์เทเรซา เขตหนองจอก กทม. และมี “มาดามเดียร์” หรือ น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อ หน.กลุ่ม “ดาวฤกษ์” สส. พรรค พปชร.ร่วมบรรยาย
นายศิริพงษ์ กล่าวว่า สิทธิด้านสวัสดิการสังคม เป็นเรื่องสำคัญ และเป็นสิทธิพื้นฐานของคนในสังคมที่จะต้องได้รับ ซึ่งวัตถุประสงค์ของการจัดสัมมนาวันนี้เพื่อเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจ ส่งเสริมให้เด็กและเยาวชน สามารถวิเคราะห์ศักยภาพตัวเองได้ เพราะต้องยอมรับว่าทุกวันนี้ อนาคตของชาติก็ต้องพึ่งพาจากน้องๆเยาวชน จึงอยากชักชวนให้ช่วยขับเคลื่อนไปด้วยกัน เพราะว่าการดำเนินชีวิตก็ต้องยึดกรอบ ศีลธรรมอันดี และยึดสถาบันหลักของชาติไว้ เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีในสังคมต่อไปด้วย
ด้าน “มาดามเดียร์” น.ส.วทันยา กล่าวว่า ของทุกอย่างมี 2 ด้านเสมอ ทั้งข้อดีและข้อเสีย ซึ่งในช่วงที่ผ่านมามีคนออกมาเรียกร้องให้มีการปฏิรูปการศึกษา ซึ่งส่วนตัวก็เห็นด้วยว่า ถึงเวลาที่จะต้องมีการปฏิรูปการศึกษาในหลายๆเรื่อง แต่วันนี้ ทุกคนออกมาบ่น ออกมาเรียกร้อง มีสักกี่คน ที่จะเปลี่ยนแปลงที่ตัวเอง และศึกษาปัญหาให้รอบด้าน ในฐานะส.ส. พร้อมจะเปิดกว้างรับฟังความคิด
จากประสบการณ์ต่างๆ ก็เห็นได้ว่าในแต่ละช่วงวัย ย่อมมีความเห็นต่างกัน เมื่อวัยเปลี่ยน ความคิดก็จะเปลี่ยน แต่สุดท้ายแล้ว ก็ไม่มีความคิดเห็นใด ผิดหรือถูกเสมอ ขึ้นอยู่ที่สถานการณ์ เหตุการณ์ และช่วงเวลานั้นๆ ดังนั้น ตนจึงอยากจะฝากไว้เป็นข้อคิด ว่าการเรียกร้องสิทธิเสรีภาพนั้นสามารถทำได้ แต่จะต้องไม่ละเมิดสิทธิเสรีภาพของคนอื่น ซึ่งวันนี้เราอยู่ในยุคที่มีข้อมูลจำนวนมาก ต้องรู้เท่าทัน ใช้วิจารณญาณในการรับรู้ข้อมูลต่างๆ
น.ส.วทันยา ยังกล่าวถึงสถานการณ์ปัจจุบันที่มีการออกมาเรียกร้องทางการเมือง ว่า ประเทศชาติยิ่งสงบ การดูแลประชาชน ก็จะพัฒนาเดินหน้าไปได้อย่างรวดเร็ว แต่หากคนในชาติยังมีความขัดแย้ง ทะเลาะ ล้มล้างกันไปมา นอกจากประชาชนจะเสียหายแล้ว ประเทศชาติ ก็จะยิ่งเสียหายและ เลวร้ายลงไปอีก ดังนั้น การเอาตนเป็นที่ตั้งเพื่อกำหนดว่า สิ่งใดต้องทำโดยไม่ได้คำนึงถึงส่วนรวมเป็นสำคัญ จะทำให้สังคมอยู่ยากและพัฒนาไม่ได้ ดังนั้นวันนี้ สิ่งที่เราใน ฐานะ ส.ส.รุ่นใหม่ ที่เดินหน้าทำงานเพื่อประชาชนมาตลอด จึงอยากฝากว่า
“เราฟังเสียงทุกฝ่าย แต่ทุกเสียงต้องไม่ละเมิดสิทธิผู้อื่น ไม่ล้มล้างระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข และ ทุกเสียงต้องถูกกฎหมาย จะถูกใจอย่างเดียวไม่ได้ ต้องถูกต้องด้วย หากเราจะเปลี่ยนแปลงอะไร ทุกอย่างต้องอยู่ในกรอบของกฎหมายและความเห็นส่วนรวมทั้งชาติ ที่ เรียกว่า พันธสัญญามหาประชาชน มิใช่แค่คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเท่านั้น” หน.กลุ่ม สส.ดาวฤกษ์ พปชร. กล่าวในที่สุด