“กรมศิลปากร” แจ้งความเอาผิดแกนนำ แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ฝังหมุดคณะราษฎรหมุดที่ 2 บริเวณสนามหลวง ระบุ เป็นการบุกรุกสนามหลวง ซึ่งเป็นโบราณสถานที่ได้รับการขึ้นทะเบียน
กรณีแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม นำกลุ่มผู้ชุมนุมเข้าสนามหลวงในวันที่ 19 ก.ย. ที่ผ่านมา และฝังหมุดคณะราษฎรหมุดที่ 2 ในเช้าวันที่ 20 ก.ย. ต่อมานายประทีป เพ็งตะโก อธิบดีกรมศิลปากร ให้สัมภาษณ์ว่า เป็นการกระทำดังกล่าวมีความผิดตาม พ.ร.บ.โบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ.2504 (แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2535) เนื่องจากบุกรุกสนามหลวง ซึ่งเป็นโบราณสถานที่ได้รับการขึ้นทะเบียน นอกจากนี้ ยังขุดพื้นที่เพื่อฝังหมุด โดยทางกรมศิลปากรจะเข้าแจ้งความในวันที่ 21 ก.ย.นั้น
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 21 ก.ย. ที่สน.ชนะสงคราม นายสถาพร เที่ยงธรรม ผู้อำนวยการกองโบราณคดี ในฐานะตัวแทนจากกรมศิลปากร เข้าแจ้งความกับ ร.ต.ท.วัชรพงษ์ ทองแดง รอง สว.(สอบสวน) สน.ชนะสงคราม ในความผิดเกี่ยวกับพ.ร.บ.โบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ.2504
กรณีกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมจัดการชุมนุม ‘19 กันยา ทวงอำนาจคืนราษฎร’ โดยใช้พื้นที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ และท้องสนามหลวง ซึ่งแกนนำผู้ชุมนุมยังได้ปักหมุดคณะราษฎรที่ 2 บริเวณลานปูนที่ท้องสนามหลวง ซึ่งพนักงานสอบสวนกำลังสอบปากคำพร้อมตรวจสอบพยานหลักฐานต่างๆ ที่นำมา
มีรายงานว่า เมื่อวานนี้ 20 ก.ย. กรุงเทพมหานครและสำนักงานเขตพระนคร ได้แจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.ชนะสงคราม ในกรณีดังกล่าวในฐานะผู้แจ้งความที่ 1 ส่วนตำรวจถือเป็นผู้แจ้งความที่ 2 เนื่องจากกรมศิลปากรได้จัดให้สนามหลวงเป็นสมบัติของชาติ และส่วนรวมที่อยู่ในการควบคุมดูแลของ กทม.เพื่อให้ประชาชนใช้ออกกำลังกายหรือพักผ่อนหย่อนใจ การขุดเจาะต่างๆ ต้องขออนุญาตจากกรมศิลปากร เมื่อเกิดการชุมนุมหรือขุดขึ้นมาจึงถือเป็นความผิดตามกฎหมายอาญา หน่วยงานของเจ้าหน้าที่รัฐจึงมีสิทธิ์แจ้งความ ฉะนั้นกรมศิลปกากรจึงถือเป็นผู้แจ้งความที่ 3