คนร้ายบุกจับนักการภารโรง-เจ้าหน้าที่กู้ชีพประจำ อบต.นราธิวาส มัดมือ-ผูกตาขังรวมกัน แล้วจุดไฟเผาอาคารวอดก่อนขโมยรถกระบะขับหนีไปทำ “คาร์บอมบ์” โชคดีตำรวจตามยึดได้ทัน เผยประกอบบึ้มใส่ในรถหนัก 120 กก.
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ต.อ.พชรพล ณ นคร ผกก.สภ.ตากใบ จ.นราธิวาส พ.ต.ท.ประจวบ นิ่มเรือง หน.ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด นปพ.จ.นราธิวาส เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส และกำลังตำรวจทหารอีกจำนวนหนึ่ง รุดเดินทางไปยังอาคารที่ทำการ อบต.โฆษิต ม.4 ต.โฆษิต หลังรับแจ้งเหตุคนร้าย จำนวน 7 คน แต่งกายเลียบแบบทหารพร้อมอาวุธปืนครบมือ บุกจับกุม นายสะกะรียา อาแว อายุ 36 ปี นักการภารโรง ▪นายมูฮัมหมัดฮัสฮา กาแจ อายุ 35ปีและนายอับดุลเลาะห์ เจ๊ะฮะ อายุ 31 ปี 2 เจ้าหน้าที่ประจำรถกู้ชีพ อบต.โฆษิต
โดยคนร้ายได้จับทั้ง 3 คน ไว้แล้วกระจายกำลังกันลอบวางเผาอาคารและรถกู้ชีพ ซึ่งจอดอยู่ภายในโรงรถด้านหลังของอาคารได้รับความเสียหาย จากนั้นได้ขโมยรถกระบะยี่ห้อมิตซูบิซิ ไทรทัน สีเทา ทะเบียน กค 8906 นราธิวาส ขับหลบหนีไป เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุมี 5 จุดที่คนร้ายราดน้ำมันเบนซินแล้วจุดไฟเผา ประกอบด้วย ■จุดที่ 1 ที่บริเวณห้องโถงซึ่งอยู่ข้างประตูทางเข้าของอาคาร คนร้ายนำเก้าอี้ของสำนักงานมาวางซ้อนกันและจุดไฟเผา จนฝาผนัง เพดาน กระจก ถูกเพลิงไหม้ได้รับความเสียหาย
■จุดที่ 2 ภายในห้องเก็บของชั้น 2 ด้านขวามือของตัวอาคาร คนร้ายนำวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ที่เก็บไว้ภายในห้องเป็นเชื้อเพลิง ทำให้วัสดุต่างๆได้รับความเสียหาย ■จุดที่ 3 บริเวณโรงจอดรถด้านขวามือของตัวอาคาร พบรถยนต์กระบะยี่ห้อมิตซูบิซิ สีขาว ทะเบียน กง 6485 นราธิวาส ซึ่งเป็นรถกู้ชีพ ถูกคนร้ายลอบวางเพลิงได้รับความเสียหายทั้งคัน ■จุดที่ 4 ซึ่งเป็นจุดที่คนร้ายได้มัด 3 จนท. อบต. ไว้รวมกัน ที่บริเวณด้านหน้าของอาคารโรงสูบน้ำ เจ้าหน้าที่พบเชือกฟาง เชือกไนล่อน เทปกาวสีน้ำเงินและรองเท้าแตะและ■จุดที่5 บริเวณริมรั้วด้านขวามือของตัวอาคาร พบแกลลอนน้ำมันพลาสติก จำนวน 3 ใบ วางอยู่ เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน ทั้งนี้ในช่วงเวลาเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ไม่กล้าเดินทางเข้าตรวจสอบ เนื่องจากเกรงคนร้ายจะวางแผนลวงเพื่อดักสังหาร
นายสะกะรียา 1ในเหยื่อให้การว่า หลังจากตนขี่ จยย.กลับจากละหมาดช่วงเวลา 21.30น.ของคืนวันที่ 25 ก.พ. เพื่อมาเข้าเวร ได้พบคนร้ายจำนวน 7คน มาดักเฝ้าที่รั้วประตูทางเข้าในมือถืออาวุธปืนยาว ตนคิดว่าเป็นเจ้าหน้าที่ทหาร ทำให้เมื่อโบกมือเรียกตนจึงได้จอดรถ กลุ่มคนร้ายจึงใช้ปืนขู่จ่อข่มขู่ให้อยู่ในความสงบ หลังจากนั้นประมาณ 10 นาทีต่อมา 2 เจ้าหน้าที่ประจำรถกู้ชีพของ อบต.โฆษิต ได้ขี่และซ้อนท้ายรถ จยย. กลับมาจากละหมาดเช่นกัน และถูกกลุ่มคนร้ายโบกมือเรียกให้จอดที่ประตูรั้วทางเข้า แล้วใช้ปืนจี้ข่มขู่เหมือนกับตน คนร้ายได้บังคับให้พวกตนทั้ง 3 เดินไปที่ด้านหน้าของโรงสูบน้ำ พร้อมใช้เชือกฟาง เชือกไนล่อนและผ้าเทปกาว มัดมือและปิดดวงตาทุกคน พร้อมกับบอกว่าถ้าอยู่ในความสงบจะไม่ทำร้าย
จากนั้นคนร้ายได้แยกย้ายกันเผาอาคารและรถยนต์กู้ชีพ รวมถึงขโมยรถกระบะของสำนักงานขับหลบหนีไป กระทั่งประมาณ 1ชั่วโมงให้หลัง ตนแก้มัดที่คนร้ายผูกไว้ได้ จึงรีบช่วยเจ้าหน้าที่กู้ชีพอีก 2 คน ที่ถูกมัดไว้ด้วยกัน แล้วพากันวิ่งมาที่ จยย.เพื่อเอาโทรศัพท์มือถือโทรแจ้งไปยังนายพิทักษ์ สะแลแม กำนัน ต.โฆษิต และ นายพิทักษ์ ได้โทรแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ตากใบ เพื่อสกัดจับกลุ่มคนร้าย เนื่องจากเกรงว่าจะใช้นำไปประกอบเป็นระเบิดคาร์บอมบ์ เพื่อแฝงตัวก่อเหตุร้ายที่ใดที่หนึ่งในพื้นที่ จ.นราธิวาส
ช่วงบ่ายวันเดียวกัน พ.ต.อ.กองอรรถ สุวรรณขำ ผกก.สภ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ได้รับแจ้งจาก ส.ต.ต.อับดุลฆายูม อูเซ็ง ผบ.หมู่งานป้องกันและปราบปราม สภ.สุไหงโก-ลก ว่า พบรถกระบะมิตซูบิซิ ไทรทัน4ประตู สีเทา ทะเบียน กค 8906 นราธิวาส ซึ่งเป็นรถที่ถูกคนร้าย 7 คน บุกปล้นไปจาก อบต.โฆษิต อ.ตากใบ จอดทิ้งอยู่ริมถนนข้างฐานปฏิบัติการย่อยของกองร้อยทหารพรานที่ 4806 บ้านโคกสยา หมู่ 5 ต.ปะลุรู อ.สุไหงปาดี จึงประสานหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิดร่วมตรวจสอบพบว่า ในรถกระบะดังกล่าวบริเวณเบาะหลังมีระเบิดแสวงเครื่องที่คนร้ายประกอบใส่ไว้ในถังแก๊สหุงต้ม 2ถัง น้ำหนักกว่า 120กก.โดยต่อวงจรไฟฟ้าไว้พร้อมสำหรับใช้จุดระเบิดด้วยวิทยุสื่อสาร เจ้าหน้าที่จึงเปิดเครื่องรบกวนสัญญาณ ก่อนใช้เครื่องแรงดันน้ำพลังสูงยิงทำลายกระจกรถ แล้วใช้หุ่นยนต์เข้าตัดสายไฟฟ้าและหนีบวงจรของระเบิดออกมาได้อย่างปลอดภัย นอกจากนี้ยังพบว่า คนร้ายยังได้นำแกลลอนน้ำมันเบนซิน 4 ถัง ไปวางซุกไว้บริเวณที่พักเท้าของเบาะหลังอีกด้วย เจ้าหน้าที่ต้องค่อยๆ เก็บกู้อย่างระมัดระวัง
เบื้องต้นสันนิษฐานว่า กลุ่มคนร้ายได้ก่อเหตุปล้นรถกระบะคันดังกล่าวมาจาก อบต.โฆษิต แล้วขับไปนำระเบิดน้ำหนักกว่า 120 กก.มาซุกซ่อนไว้ที่เบาะหลัง จากนั้นจึงขับมาตามถนนในหมู่บ้าน ลัดเลาะมาจากพื้นที่ อ.ตากใบ สู่ อ.สุไหงปาดี คาดว่ามีเป้าหมายทำคาร์บอมบ์ก่อเหตุในพื้นที่เขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก แต่ตลอดเส้นทางมีการตรวจตราของเจ้าหน้าที่อย่างเข้มงวด ทำให้คนร้ายเกิดเกรงกลัวความผิด ตัดสินใจจอดรถทิ้งไว้แล้วอาศัยความมืดหลบหนีไป ซึ่งเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้เก็บลายนิ้วมือแฝงไว้ เพื่อตรวจสอบเทียบกับแฟ้มประวัติผู้ก่อเหตุในพื้นที่ต่อไป
MGRonline