“ตัวแทนตร.-ผู้นำมุสลิม”ร่วมละหมาด อ่านสาส์นอาลัย รัชกาลที่9-ถวายพระพรชัย”สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ”
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 2 ธันวาคม ที่มัสยิดยามิอุ้ลอิสลาม(คลองตะเคียน) ซอยรามคำแหง 53 ถนนรามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ พ.ต.อ.พัฒนา เพศยนาวิน รองผบก.น.4 ข้าราชการตำรวจระดับ รองผกก.ป.ในสังกัดบก.น.4 ทั้ง 8 สน. ตัวแทนเจ้าหน้าที่ตำรวจที่นับถือศาสนาอิสลาม 30 คน พร้อมผู้นำมุสลิม อิหม่าม สัปบุรุษประจำมัสยิดยามิอุ้ลอิสลาม และนายเฉลิมชัย ฉิมหิรัญ ที่ปรึกษาคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจสน.หัวหมาก นำชาวไทยมุสลิมกว่า 1,000 คน ร่วมละหมาดวันศุกร์ ทั้งนี้ก่อนการละหมาดได้อ่านสาส์นแสดงความอาลัยถวายแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ภายหลังละหมาดเสร็จสิ้นได้ร่วมกันร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีด้วยภาษาอาหรับเพื่อแสดงความจงรักภักดีต่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร
ทั้งนี้สาส์นแสดงความอาลัยมีใจความตอนหนึ่งว่า “นับตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน2489 ถึงวันที่ 9 มิถุนายน2559 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงครองราชย์สมบัติครบ 70 ปี ตลอดระยะเวลา 7 ทศวรรษ พระองค์ทรงงานอย่างหนัก ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจคุณูปการ เพื่อความร่มเย็นเป็นสุขของปวงชนชาวไทย สมดังพระปฐมบรมราชโองการว่า “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม” พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงเป็นองค์อัครศาสนูปถัมภก และธรรมราชาผู้ปกครอง อาณาประชาราษฎร์ทุกเชื้อชาติ และศาสนา ทรงเจริญรอยตามสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชการพระราชทานเสรีภาพให้ประชาชนเลือกนับถือศาสนา และทรงเป็นผู้ตั้งมั่นในพระพุทธศาสนา พร้อมทั้งทรงยอมรับศาสนาอื่นๆ ที่มิใช่ศาสนาพุทธได้เสมอกัน ทรงเป็นธรรมราชาผู้ปกครองอาณาประชาราษฎร์ทุกเชื้อชาติ พระราชกรณียกิจที่ทรงพระราชทานแก่พสกนิกรชาวไทยมุสลิมนั้นมากล้นเหลือคณานับ
“นอกจากนี้พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงสนพระราชหฤทัยในศาสนาอิสลามและเข้าพระทัยศาสนาอิสลามอย่างลึกซึ้ง แม้รูปแบบการแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ของพี่น้องชาวไทยมุสลิมอาจแตกต่างจากพี่น้องคนไทยที่นับถือศาสนาอื่นอยู่บ้าง เพราะศาสนาอิสลามได้บัญญัติไว้อย่างชัดเจน ซึ่งมุสลิมจะปฏิบัติผิดไปจากนั้นมิได้ พระองค์ทรงทราบความข้อนี้เป็นอย่างดี
Cr. matichon