กมธ.งบฯ 64 ร้อนแรงไม่เลิก “วิโรจน์” แฉ รัฐฯ ตั้งงบสู้คดีค่าโง่ เหมืองทองอัครา 111 ล. รวม 3 ปีถลุงไปแล้ว 389 ล. ทวงสัจจะ “บิ๊กตู่” ไหนบอกจะรับผิดชอบ ขณะ เนติบริการ หน้าตาเฉยบอก เป็นเรื่องปกติ ด้าน ป.ป.ช.ลุยขุดสินบน “คิงส์เกต” ยันสู้เต็มที่
เกิดประเด็นอื้อฉาวเกิดขึ้นในชั้นการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 ล่าสุด วิโรจน์ ลักขณาอดิศร โฆษกพรรคก้าวไกล ออกมาแฉ มีการตั้งงบฯ สู้คดีบริษัท คิงส์เกตฯ ในปี 2564 ไว้กว่า 111 ล้านบาท ชี้ รวม 3 ปี ถลุงใช้ไปแล้วกว่า 389 ล้านบาท
วันที่ 28 ส.ค.63 นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคก้าวไกล โพสต์ลงทวิตเตอร์ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เคยประกาศว่าจะรับผิดชอบต่อ การใช้มาตรา 44 ที่สั่งปิดเหมืองทองอัคราเอง แล้วมาใช้ภาษีของประชาชนในการระงับข้อพิพาททำไม เมื่อปี 2562 ใช้งบประมาณไป 60 ล้านบาท ปี 2563 ใช้ไป 218 ล้านบาท และปี 2564 ตั้งงบประมาณอีก 111 ล้านบาท รวม 3 ปี 389 ล้านบาทเข้าไปแล้ว และไม่รู้ว่าจะต้องเสียอีกเท่าไร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีดังกล่าวสืบเนื่องจากกรณีที่บริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดตเต็ด ลิมิเต็ด ประเทศออสเตรเลีย บริษัทแม่ของบริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด ผู้ประกอบกิจการเหมืองแร่ทองคำชาตรี จ.พิจิตร ฟ้องร้องรัฐบาลไทย หลังจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ใช้อำนาจตามรัฐธรรมรัฐนูญฉบับชั่วคราวมาตรา 44 สั่งปิดเหมืองแร่ทองคำ จนทำให้ไทยเข้าสู่กระบวนการอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ
นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า มีการตั้งงบประมาณลักษณะนี้ตั้งแต่ปี 2562 และ 2563 แต่ไม่ได้ระบุให้ชัดเจนว่าเพื่อการไกล่เกลี่ยคดี เหมือนเป็นการซุกเอาไว้หรือไม่ แต่จากการค้นข้อมูลพบว่ามีรายงานของสำนักงบ ประมาณถึงงบประมาณดังกล่าว ส่วนในปีงบประมาณ 2564 มีระบุมาชัดเจนในส่วนงบประมาณประจำปีของกระทรวงอุตสาหกรรม ดังนั้นจะแปรญัตติเพื่อขอตัด งบประมาณในส่วนนี้อย่างแน่นอน ไม่สามารถยอมให้ใช้งบประมาณในส่วนนี้ได้
ทั้งนี้ตนไม่ได้คัดค้านเรื่องการปิดเหมืองทองอัครา แต่อยากถามว่าทำไมนายกฯ ไม่ใช้ช่องทางกฎหมายปกติ เช่น กฎหมายสิ่งแวดล้อม ที่สามารถระบุได้ว่า เหมืองทองนั้น ส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมและสร้างมลพิษ แต่ กลับใช้มาตรา 44 สั่งปิด เพราะเป็นการเหลิงและลุแก่อำนาจหรือไม่ แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ ยังประกาศว่าจะรับผิดชอบเอง แล้วทำไมถึงกลับมาใช้งบประมาณหลวงในการไกล่เกลี่ยคดี หากบอกว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ ดังนั้นบริษัทต่างชาติ ต้องฟ้องที่ตัว พล.อ.ประยุทธ์ และท่านต้องรับผิดชอบด้วยตัวเองหรือไม่ แต่วันนี้มีการตั้งงบไปแล้ว 389 ล้านบาท หากแพ้ต้องจ่ายค่าเสียหายอีกเท่าไร รัฐบาลต้องตอบคำถามนี้ให้ได้ และคดีนี้จะจบเมื่อไร จะตั้งงบไปแบบนี้เรื่อยๆเราคงยอมไม่ได้
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวกล่าวว่า ไม่ทราบรายละเอียดการตั้งงบประมาณสู้คดีบริษัท คิงส์เกตฯ แต่ทุกสมัยเมื่อรัฐบาลมีกรณีพิพาทในอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ หรือ ถูกฟ้องในศาลต่างประเทศ จำเป็นต้องจ้างทนายความ โดยมีอัยการคอยประกบ ส่วนจะถูกหรือแพงอยู่ที่กระทรวงที่รับผิดชอบ เมื่อถามว่า มีการตั้งงบฯไว้ถึง 111 ล้านบาท นายวิษณุตอบว่า ก็มีเสนอมา อย่างคดีวอเตอร์บราวน์ เกี่ยวกับสัญญาก่อสร้างดอนเมืองโทลล์เวย์ ก็ใช้ งบประมาณกว่าพันล้านบาท
กระทรวงอุตสาหกรรมสามารถตั้งงบประมาณส่วนนี้ได้ ถือเป็นเรื่องปกติ ไม่เช่นนั้นจะนำเงินที่ไหนไปสู้คดี ส่วนความคืบหน้าเรื่องบริษัทคิงส์เกตฯ ให้ไปถามที่กระทรวงอุตสาหกรรม เมื่อถามว่าเป็นเพราะการใช้อำนาจมาตรา 44 หรือไม่จึงต้องมาเสียงบฯในส่วนนี้ นายวิษณุตอบว่า อย่าเพิ่งพูดถึงตรงนั้น ให้รู้แพ้รู้ชนะก่อน แล้วว่ากันอีกที การที่รัฐใช้อำนาจไปเพราะต้องการปกป้องผลประโยชน์ประชาชน เมื่อได้ทางนึงก็เสียทางนึงเป็นธรรมดา
ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) น.ส.สุภา ปิยะจิตติ กรรมการ ป.ป.ช. กล่าวว่า คดีนี้มีความซับซ้อนแยบยล เป็นคดีระหว่างประเทศ จึงมีการแยกประเด็นไต่สวนเป็น 2 กรณี คือ กรณีการติดสินบนเจ้าหน้าที่รัฐ และกรณีการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รัฐ โดยกรณีติดสินบนเจ้าหน้าที่รัฐนั้นมีข้อมูลจากอีเมลพบว่ามีเส้นทางการเงินเข้ามาจริง มีการพักเงินที่ฮ่องกง และสิงคโปร์ จึงนำเข้ามาไต่สวนในสำนวน
ขณะนี้อยู่ระหว่างรอการยืนยันข้อมูลอย่างเป็นทางการ ที่ผ่านมา ป.ป.ช. เดินทางไปต่างประเทศเพื่อขอข้อมูลดังกล่าว แต่ไม่ได้รับความร่วมมือ อย่างไรก็ตาม กำลังพยายามเต็มที่เพื่อดำเนินคดีกับบุคคลที่มีชื่อปรากฏในอีเมลฉบับนี้ แต่ต้องมีข้อมูลยืนยันอย่างเป็นทางการจากต่างประเทศก่อน ตอนนี้ ป.ป.ช.รอข้อมูลอย่างเดียว เราสู้เต็มที่ การเรียกค่าเสียหาย 6-7 พันล้านบาทกับประเทศ โดยมีการทุจริตเชิงนโยบายนั้นไม่เป็นธรรม