รองนายกฯ ควง “ธรรมนัส-สันติ” ลุยแก้ปัญหาลำไยภาคเหนือ เปิดทางให้ ล้ง หรือ พ่อค้าจากเมืองจีน เข้ามารับซื้อผลผลิต แต่ต้องยึดมาตรการเข้มงวดในการป้องกัน โควิด-19 พร้อมจะช่วยเยี่ยวยา เกษตรกร ไร่ละ 2,000 บาทรายละไม่เกิน 25 ไร่
วันที่ 6 ส.ค.63 ที่ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ 7 รอบ พระชนมพรรษา อ.เมือง จ.เชียงใหม่ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมหารือระหว่างภาครัฐ และเกษตรกรเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาเกษตรกรผู้ปลูกลำไยภาคเหนือ โดยมี ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลังร่วมเดินทางด้วย และผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนทั้ง 8 จังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ ประธานสภาอาชีพเกษตรกร เกษตรกร กว่า 3,000 คน เข้าร่วมประชุม
ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รายงานสถานการณ์ผลผลิตลำไยในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนือ มีปริมาณผลผลิตลำไยในฤดูจำนวนมาก ซึ่งจะออกสู่ตลาดในช่วงเดือน กรกฎาคม ถึง สิงหาคม ของทุกปี โดยในปีที่ผ่านมาเกษตรกรสามารถจำหน่ายผลผลิตลำไยได้ในราคาที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับราคาในปีนี้ เนื่องจากประสบปัญหาจากสถานการณ์ภัยแล้ง ต้นทุนในการผลิตสูงขึ้น และได้รับผลกระทบจากสถานการณณ์การแพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ทำให้เกษตรกรผู้ปลูกลำไยภาคเหนือ ได้รับผลกระทบ ราคาลำไยตกต่ำ
ขณะเดียวกันยังมีปัญหาจากผู้ประกอบการจากประเทศจีน หรือ ล้ง ไม่สามารถเดินทางเข้ามารับซื้อผลผลิตลำไยในประเทศไทยได้ จากปัญหารการแพร่ระบาด covid-19 ประกอบกับการขาดแรงงาน ต้นทุนสูง ทำให้เกษตรกรผู้ปลูกลำไยได้รับความเดือดร้อน
ดังนั้น เพื่อเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกลำไย 8 จังหวัดภาคเหนือ รัฐบาล จะผ่อนผันให้ผู้ประกอบการค้าจากประเทศจีนเดินทางเข้าประเทศได้เพื่อรับซื้อผลผลิตลำไยในฤดูการเก็บเกี่ยว แต่จะต้องเป็นไปตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 โดยในวันพรุ่งนี้จะประชุมหารือเพื่อให้ได้ข้อสรุปโดยเร็ว
ทั้งนี้ยังได้มีมาตรการยียวยาบรรเทาความเดือดร้อนให้เกษตรกรผู้ปลูกลำไยที่ได้รับผลกระทบในอัตราไร่ละ 2,000 บาท รายละไม่เกิน 25 ไร่ ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความช่วยเหลือ ในการประชุม ครม. วันที่ 11 ส.ค. 63 ยืนยันว่ารัฐบาลจะช่วยเหลือเกษตรกรรอย่างเต็มความสามารถเพื่อให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และขอเป็นกำลังใจให้พี่ร้องชาวสวนลำไยทุกท่าน ให้มีความเข้มแข็ง
