“น้องลาวา” หัวหน้าห้อง กรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย พูดกล่อมเพื่อนฉีดวัคซีน ถูกเผยแพร่อย่างกว้างขวางในโลกออนไลน์ ด้วยคำพูดที่ฉะฉาน จริงจัง ทำให้หลายคนชื่นชมในความน่ารัก และทักษะความเป็นผู้นำของเด็กชายคนนี้
น้องลาวา เล่าถึงเหตุการณ์วันนั้นว่า เป็นวันฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ประจำปีของโรงเรียน มีเพื่อนคนหนึ่งร้องไห้ไม่ยอมฉีด จนถึงเวลาพักทานอาหารกลางวันแล้ว ทุกคนหิวข้าว ในฐานะที่เป็นหัวหน้าห้อง เขาจึงต้องเป็นคนเข้าไปพูดกล่อมให้เพื่อนยอมฉีด โดยใช้ทักษะ ทั้ง กล่อม และ ขู่ จนเป็นที่มาของประโยคที่ว่า “ถ้าไม่ฉีดเธอจะป่วยไม่ได้เจอหน้าพ่อแม่อีกเลยนะ” และ “ถ้าไม่ฉีดต้องไปอยู่กับน้องอนุบาล โดนน้องว่านะ”
เมื่อถามว่าน้องลาวาเอาความรู้เรื่องไข้หวัดและเรื่องโรคโควิด-19 มาจากไหน น้องบอกว่า ก่อนหน้านี้ได้ดูข่าว เพราะคุณพ่อชอบดู เลยบังคับให้ดูไปด้วย และเห็นนายกรัฐมนตรี ชอบพูดว่า โควิด-19 อันตราย ฆ่าคนตาย หมื่น แสน ล้านคน ส่วนทักษะการพูด น้องลาวาบอกว่ามาจากตัวเขาเอง และการเลี้ยงดูของครอบครัว โดยมีคุณพ่อเป็นส่วนสำคัญ แต่ตอนนี้คุณพ่อได้จากไปแล้ว
พ่อของน้องลาวาเพิ่งเสียชีวิตได้ไม่นาน ความสูญเสียครั้งนี้ ทำให้เด็กชายในวัย 6 ขวบ ที่เห็นว่าตัวเองเป็นผู้ชายคนเดียวในบ้าน ต้องขึ้นมาเป็นผู้นำครอบครัวแทนพ่อ เพื่อดูแลแม่และพี่สาว ให้มีความสุข และอยากให้คุณพ่อภูมิใจ
สำหรับความฝันของน้องลาวา คือการเป็นนักฟุตบอล และทีมที่เขาและคุณพ่อชื่นชอบคือ ลิเวอร์พูล “อยากเป็นนักฟุตบอลครับ อยากไปอยู่ทีมลิเวอร์พูล เพราะว่าพ่อชอบเขามากเลย ผมก็เลยอยากทำให้สำเร็จ เห็นพวกนักฟุตบอลก็อยากเป็นตามเขาครับ แต่ความฝันสูงสุดคือ การเตะฟุตบอลไปต่างประเทศ” ซึ่งความชอบนี้น้องลาวาแสดงออกโดยการสวมหน้ากากผ้าลาย ลิเวอร์พูล มาโรงเรียนอยู่บ่อยครั้ง
ส่วนกระแสชื่นชมในความน่ารักของน้องลาวาทำให้เขากลายเป็นคนดังในโรงเรียน และเป็นที่รู้จักไปทั่วประเทศ ไปไหนมีแต่คนขอถ่ายรูป ขอลายเซ็น น้องลาวา บอกว่าเขาและแม่ไม่สนใจเรื่องนี้เลย เพราะสิ่งที่เขาภูมิใจในตัวเองมากที่สุด คือการได้ช่วยเหลือเพื่อนในวันนั้น
อัญชลี โชติพนาพัฒน์ ครูประจำชั้น เล่าว่า น้องลาวา เป็นคนมีความเข้าใจในคำสั่งได้รวดเร็ว จึงแต่งตั้งน้องลาวาเป็นหัวหน้าห้อง และมีรองอีก 4 คน เพื่อช่วยดูแลเพื่อนๆ โดยจะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเด็กๆ ในชั้นมาทำหน้าที่นี้ทุกๆ เดือน เพื่อเป็นการฝึกทักษะให้เด็กเรื่องความรับผิดชอบ
สำหรับน้องลาวา ก่อนเปิดเทอมมีข้อมูลจากโรงเรียนเก่าในชั้นอนุบาล รายงานมาว่า ให้ดูแลเด็กคนนี้เป็นพิเศษ เพราะเพิ่งเสียคุณพ่อไป แต่ครูก็จะคอยสังเกตห่างๆ แต่เท่าที่คุยน้องลาวาเป็นคนที่มีความเข้มแข็งทางด้านจิตใจมาก เชื่อว่าครอบครัวน้องโดยเฉพาะคุณแม่เลี้ยงดูมาอย่างดีมาก ให้ข้อมูลด้านบวก ทำให้เด็กในวัยนี้ ไม่มองความสูญเสียเป็นเรื่องลบ แต่กลับนำมาเป็นพลังในการพัฒนาตัวเอง และหลังจากที่ได้เป็นหัวหน้า น้องลาวา ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีมาก น้องลาวามักจะบอกครูว่า มีตัวอย่างเป็นคุณพ่อ